สนามแม่เหล็กที่ห่อหุ้มโลก ช่วยป้องกันรังสีอันตรายจากดวงอาทิตย์

ในช่วง 200 ปีที่ผ่านมา สนามแม่เหล็กโลกมีแนวโน้มอ่อนกำลังลงราว 9 % ซ้ำยังเกิดปรากฏการณ์ที่สนามแม่เหล็กโลกอ่อนแรงผิดปกติเป็นวงกว้างเหนือมหาสมุทรแอตแลนติกตอนใต้ (Southern Atlantic Anomaly - SAA) ทำให้หวั่นเกรงกันว่านี่คือสัญญาณเตือนถึงหายนะ เนื่องจากขั้วแม่เหล็กโลกทั้งสองเตรียมจะพลิกกลับและสลับที่กันในไม่ช้า

.

แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ผลการศึกษาล่าสุดของทีมนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยลุนด์ของสวีเดนชี้ว่า มนุษยชาติยังไม่ต้องหวาดกลัวถึงผลกระทบจากการกลับขั้วของสนามแม่เหล็กโลก ซึ่งจะทำให้รังสีอันตรายจากห้วงอวกาศเข้ามาถึงพื้นดิน เนื่องจากเหตุการณ์นี้จะยังไม่เกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ อย่างน้อยก็ภายใน 1-2 แสนปีข้างหน้านี้

.

รายงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร PNAS ระบุว่า มีการใช้แบบจำลองคอมพิวเตอร์ตรวจสอบและทำนายถึงความเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ SAA ในมหาสมุทรแอตแลนติกตอนใต้ ซึ่งสนามแม่เหล็กโลกในบริเวณนั้นอ่อนแรงมากที่สุด แถมพลังแม่เหล็กยังลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา

.

ผลการศึกษาที่ได้ทำให้ ดร. อันเดรียส์ นีลส์ซัน ผู้นำทีมวิจัยกล่าวด้วยความเชื่อมั่นอย่างสูงว่า เขตสนามแม่เหล็กโลกอ่อนแรง SAA จะสลายตัวหายไปภายใน 300 ปีข้างหน้าอย่างแน่นอน เนื่องจากมันเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติตามวงจรการเปลี่ยนแปลงของพลังแม่เหล็กโลก ซึ่งเกิดขึ้นได้ในทุก 200-300 ปี โดยไม่ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อโลกแต่อย่างใด นั่นหมายความว่าปรากฏการณ์ดังกล่าวไม่ใช่สัญญาณบ่งชี้ถึงการสลับขั้วแม่เหล็กโลกอย่างที่หวั่นเกรงกันด้วย

.

แผนที่แสดงอาณาเขตของ Southern Atlantic Anomaly (สีน้ำเงินและสีฟ้า) ซึ่งกำลังขยายตัวสู่แอฟริกาใต้

ผลการวิเคราะห์ข้อมูลของสนามแม่เหล็กโลกตลอดช่วง 9,000 ปีที่ผ่านมา โดยศึกษาจากตัวอย่างหินภูเขาไฟ ตะกอนก้นแม่น้ำ และวัตถุโบราณที่เป็นภาชนะเครื่องปั้นดินเผา ซึ่งจะมีร่องรอยการสัมผัสรังสีจากห้วงอวกาศในอดีตอยู่ พบว่าพลังความแข็งแกร่งของสนามแม่เหล็กโลกผันผวนขึ้นลงอยู่เสมอ ทำให้วัตถุบนพื้นโลกได้รับรังสีจากห้วงอวกาศในระดับความเข้มมากน้อยแตกต่างกันในแต่ละช่วงเวลา ทั้งที่ไม่มีการสลับขั้วของแม่เหล็กโลกเกิดขึ้นแต่อย่างใด

.

ผลการตรวจสอบยังพบว่า พื้นที่ SAA ในมหาสมุทรแอตแลนติกตอนใต้นั้น ถือกำเนิดขึ้นตั้งแต่ 1,600 ปีก่อนคริสตกาล และจะสูญสลายไปในอีกไม่กี่ร้อยปีข้างหน้า ทำให้มันอาจมีอายุยืนสูงสุดได้ที่ราว 4,000 ปี ก่อนที่สนามแม่เหล็กโลกในบริเวณดังกล่าวและสนามแม่เหล็กโลกโดยรวมจะกลับฟื้นความแข็งแกร่งขึ้นมาอีกครั้ง

ที่มา : BBC https://www.bbc.com/thai/international-61863013