เมื่อเร็วๆ นี้ นายอัครวัฒน์ อัศวเหม ประธานคณะกรรมาธิการการวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิจัยและนวัตกรรม สภาผู้แทนราษฎร (กมธ. วิทย์ฯ) และคณะร่วมเดินทางศึกษาดูงาน “การพัฒนาอาชีพและเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกรฐานราก ด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิจัยและนวัตกรรม” ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี จ.นครราชสีมา เพื่อหาแนวทางการทำงานร่วมกันระหว่างรัฐบาลกับมหาวิทยาลัย โดยใช้งานวิจัยเป็นฐาน

     ศาสตราจารย์ กนก วงษ์ตระหง่าน รองประธานคณะกรรมาธิการการวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิจัยและนวัตกรรม สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ตนในฐานะ กมธ.วิทย์ฯ ตัวแทนของประชาชน อยากเห็นความร่วมมือของมหาวิทยาลัยในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือบูรณาการการทำงานร่วมกัน โดยมีเป้าหมายสำคัญเดียวกันคือ การทำงานเพื่อประชาชน ให้ชาวบ้านคนตัวเล็กตัวน้อยมีรายได้มากขึ้น โดยในปีที่ผ่านมาคณะทำงานตระหนักดีว่าการพัฒนาเศรษฐกิจเชิงพื้นที่ เพิ่มรายได้ให้ผู้คน จำเป็นต้องใช้องค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิจัยและนวัตกรรม เป็นเครื่องมือสำคัญในการทำงาน
     ที่ผ่านมา กมธ.วิทย์ฯ ได้ขับเคลื่อนการทำงานกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริม วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ที่จัดสรรงบประมาณสำหรับการวิจัยในพื้นที่ในกรอบใหญ่ และเชื่อมโยงหน่วยงานบริหารจัดการทุนต่างๆ มาร่วมทำงานกับ กมธ.วิทย์ฯ ตลอดจนหน่วยงานในระบบวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) และส่วนของจังหวัด โดยในปี 2563 ที่ผ่านมาคณะทำงาน กมธ.วิทย์ฯ ได้เดินทางไปศึกษาพื้นที่และหนุนการดำเนินการในโครงการวิจัยต่างๆ ที่ได้รับการสนับสนุนจาก “บพท.หรือหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่” ซึ่งเป็นแรงหนุนสำคัญที่ช่วยแก้ปัญหาปากท้องของชาวบ้านในจังหวัดนำร่อง ไม่ว่าจะเป็น จ.กระบี่ จ.สกลนคร จ.จันทบุรี ได้มาก ตนจึงคิดว่าจากบทเรียนการทำงานที่ผ่านมา มั่นใจว่าเราจะสามารถแก้ปัญหาในพื้นที่โคราช ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนได้เช่นเดียวกัน
ด้าน ดร.วีระพงษ์ แพสุวรรณ อธิการบดี ม.เทคโนโลยีสุรนารี เปิดเผยข้อมูลว่า ปัจจุบันทางมหาวิทยาลัยได้จัดทำโครงการวิจัยสำคัญเพื่อมุ่งเน้นการแก้ปัญหาด้านการเกษตร ไม่ว่าจะเป็น มันสำปะหลังราคาตกต่ำ รวมถึงเพิ่มมูลค่าของเนื้อวัวที่เกษตรกรชาวโคราชนิยมเลี้ยง ในโครงการวิจัย “อีสานวากิว โคเนื้อคุณภาพสูง” เพื่อแก้ปัญหาเกษตรกรขาดเงินทุน ขาดข้อมูลย้อนกลับ ขาดมาตรฐานการเลี้ยง ขาดโรงเชือดมาตรฐานและโรงตัดแต่ง ตลอดจนการขาดการพัฒนาอุตสาหกรรมแปรรูปเนื้อโคขุน โดยมีเป้าหมายระยะ 3 ปี คือ มีเกษตรกรเอสเอมอีเพิ่มขึ้น 80 ราย ภายใต้งบประมาณหนุน 48 ล้านบาท
นอกจากนี้ ส่วนของมันสำปะหลัง ได้จัดทำโครงการ “แพลตฟอร์มต้นแบบการบริหารจัดการการเพิ่มมูลค่ามันสำปะหลังตลอดห่วงโซ่มูลค่าเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังในพื้นที่ จ.นครราชสีมา” เพื่อให้เกษตรกรมีทักษะการผลิตมันสำปะหลังคุณภาพสูงด้วยระบบน้ำหยด และเข้าใจวิธีการให้ปุ๋ยบนพื้นฐานการวิเคราะห์ค่าดินเป็นเพื่อลดทอนต้นทุนการผลิต ตลอดจนแปรรูปสารสกัดจากมันสำปะหลัง สร้างแพลตฟอร์มการเพิ่มมูลค่ามันสำปะหลังตลอดห่วงโซ่มูลค่า เป็นต้น อนึ่ง วันนี้ถือเป็นโอกาสอันดีที่ทุกภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นสภาผู้แทนราษฎร หน่วยงานจัดสรรงบวิจัย อย่าง สกสว. และมหาวิทยาลัยในพื้นที่มีแผนและแนวทางการทำงานที่สอดคล้องกัน โดยมีเป้าหมายสำคัญคือยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่

ที่มา : Manager online 13 กรกฏาคม 2563 [https://mgronline.com/smes/detail/9630000071515]