มนุษย์ถ้ำ

ตลอดช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา มีเหตุการณ์มากมายรวมทั้งการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 ที่ทำให้กิจกรรมของมนุษย์รวมถึงการศึกษาค้นคว้าวิชาการต่าง ๆ ต้องสะดุดหยุดลง แต่เหตุที่ไม่คาดฝันเหล่านั้นก็ไม่อาจหยุดยั้งเหล่านักโบราณคดี ที่ยังคงค้นพบสิ่งน่าตื่นตาตื่นใจจากอดีตและเรื่องราวน่าทึ่งมากมาย ซึ่งบีบีซีไทยได้รวบรวมมาฝากกันอย่างจุใจเช่นเคย

มนุษย์โบราณนีแอนเดอร์ทัลฉลาดกว่าที่เราคิด

.

เคยเชื่อกันว่ามนุษย์โบราณนีแอนเดอร์ทัล (Neanderthal) ซึ่งเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีชีวิตอยู่ร่วมสมัยกับมนุษย์ยุคใหม่หรือโฮโมเซเปียนส์อย่างเรา ๆ เมื่อเกือบสองแสนปีก่อนนั้น ไม่สู้จะมีสติปัญญาเฉียบแหลมนัก ทั้งน่าจะมีพฤติกรรมคล้ายกับสัตว์มากกว่ามนุษย์ที่มีอารยธรรม ทำให้ไม่สามารถแข่งขันกับมนุษย์ยุคใหม่ที่ฉลาดกว่า จนต้องสูญพันธุ์ไปในที่สุด

.

แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นักโบราณคดีได้ค้นพบหลักฐานใหม่ ๆ จำนวนมากที่ขัดแย้งกับความเข้าใจข้างต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีนี้มีการค้นพบฟอสซิลโครงกระดูกของนีแอนเดอร์ทัลเพิ่มเติม ที่ถ้ำชานิดาร์ (Shanidar) บริเวณเขตปกครองตนเองเคอร์ดิสถานของอิรัก ซึ่งถือเป็นหลักฐานชิ้นที่สองแล้วที่ยืนยันว่านีแอนเดอร์ทัลรู้จักประกอบพิธีฝังศพ

.

ก่อนหน้านี้เมื่อปี 1975 มีรายงานเกี่ยวกับโครงกระดูกของนีแอนเดอร์ทัลที่พบเป็นร่างแรกในถ้ำแห่งเดียวกัน ซึ่งรายงานระบุว่าร่างนี้มีเศษดินปนเกสรดอกไม้ติดอยู่ด้วย ทำให้มีผู้เสนอแนวคิดว่านีแอนเดอร์ทัลอาจวางดอกไม้ในหลุมศพของคนตาย ซึ่งเป็นสิ่งบ่งชี้ถึงความคิดเรื่องจิตวิญญาณและการรู้จักประกอบพิธีกรรมให้ผู้วายชนม์

.

ส่วนโครงกระดูกร่างที่สองที่เพิ่งพบในปีนี้มีอายุเก่าแก่ 70,000 ปี และเป็นของชายวัยกลางคนที่ถูกจัดท่าทางให้คล้ายกับกำลังนอนพักผ่อนอย่างสบาย โดยมีการงอแขนซ้ายให้หนุนศีรษะและวางแขนขวาพาดไว้บนลำตัว บริเวณตรงหัวนอนยังมีหินที่คล้ายกับใช้เป็นหมอนวางอยู่ด้วย ซึ่งแสดงถึงการตั้งใจฝังศพอย่างประณีตบรรจง

.

ส่วนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทีมนักโบราณคดีของฝรั่งเศสก็เพิ่งเผยแพร่ผลการศึกษาโครงกระดูกของมนุษย์นีแอนเดอร์ทัลวัยเด็ก อายุเก่าแก่ 41,000 ปี ซึ่งมีหลักฐานหลายด้านทั้งทางธรณีวิทยา การวิเคราะห์ซากดึกดำบรรพ์ และร่องรอยสารชีวโมเลกุลบ่งชี้ว่า เด็กคนนี้ถูกฝังหลังเสียชีวิตทันทีอย่างรวดเร็วและประณีต ในหลุมที่ขุดด้วยฝีมือของมนุษย์

.

เศษเชือกถักเก่าแก่มีความยาวราว 6.2 มิลลิเมตร กว้าง 0.5 มิลลิเมตร

.

นอกจากหลักฐานใหม่ที่ชี้ว่านีแอนเดอร์ทัลรู้จักประกอบพิธีศพแล้ว ทีมนักโบราณคดีและนักมานุษยวิทยานานาชาติยังค้นพบเศษเชือกถักโบราณอายุเก่าแก่ 50,000 ปี ในถ้ำซึ่งเคยเป็นที่อยู่ของนีแอนเดอร์ทัลทางตะวันออกเฉียงใต้ของฝรั่งเศสด้วย

.

เส้นใยของเชือกถักดังกล่าวทำจากเปลือกไม้สน มีร่องรอยการถักโดยแบ่งเส้นใยออกเป็นกลุ่ม รวมทั้งมีการบิดและถักเส้นใยแต่ละกลุ่มให้เป็นเกลียวในทิศทางที่เป็นแบบแผนแน่นอน ซึ่งแสดงว่ามนุษย์โบราณเผ่าพันธุ์นี้เข้าใจแนวคิดทางคณิตศาสตร์ขั้นพื้นฐาน เช่นการนับจำนวน การจับคู่ และเซต (Set) ทำให้มีความสามารถประดิษฐ์เครื่องมือที่ซับซ้อน ในระดับที่ต้องใช้สติปัญญาขั้นสูงได้

.

โฉมหน้าใหม่ของมนุษย์ยุคน้ำแข็ง

.

ปี 2020 ถือว่าเป็นปีทองแห่งการค้นพบทางโบราณคดีในยุคน้ำแข็งครั้งหลังสุด (last ice age) ซึ่งเผยถึงความเป็นอยู่ของมนุษย์ในสภาพอากาศที่หนาวเย็น ท่ามกลางลักษณะภูมิประเทศและสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อกว่าหนึ่งหมื่นปีที่แล้ว

.

ทางเข้าถ้ำ Chiquihuite บนภูเขาทางตอนกลางของเม็กซิโก

.

ใครจะเชื่อว่าป่าฝนเขตร้อนอย่างแอมะซอน เคยเป็นที่ตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ในยุคน้ำแข็ง ซึ่งอยู่อาศัยร่วมกับบรรดาสิงสาราสัตว์ต่าง ๆ ที่คนปัจจุบันไม่เคยได้พบเห็น โดยภาพชีวิตที่แปลกตาเช่นนี้ถูกถ่ายทอดลงบนหน้าผาความยาวถึงเกือบ 13 กิโลเมตร ในรูปแบบของภาพศิลปะยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่เขียนด้วยดินแดง

.

ภาพเขียนอายุเก่าแก่ 11,800 - 12,600 ปีนี้ อยู่ในเขตแดนประเทศโคลอมเบีย ประกอบด้วยรูปสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่สูญพันธุ์ไปแล้ว เช่นช้างโบราณ "มาสโตดอน" (mastodon), สลอธยักษ์ (giant sloth), ม้ายุคน้ำแข็ง และสัตว์มีงวงที่มีกีบเท้า 3 กีบ รวมทั้งภาพสัตว์รูปทรงเหมือนงู กวาง และนก

.

นักโบราณคดีผู้ศึกษาภาพเขียนบนหน้าผาดังกล่าวบอกว่า งานศิลปะโบราณเหล่านี้แสดงให้เห็นว่ามนุษย์ยุคน้ำแข็งออกล่าและใช้ชีวิตร่วมกับบรรดาสัตว์ยักษ์ ซึ่งปัจจุบันได้สูญพันธุ์ไปหมดแล้วได้อย่างไร

.

แหล่งที่มาของดินแดงซึ่งมนุษย์ในยุคนั้นใช้สร้างงานศิลปะ ใช้ทาผิวเพื่อไล่แมลง และใช้ประกอบพิธีกรรม ถูกค้นพบในปีนี้อีกเช่นกันที่ถ้ำใต้น้ำแห่งหนึ่งในคาบสมุทรยูคาตันของเม็กซิโก โดยนักโบราณคดีพบร่องรอยการก่อไฟตั้งแคมป์ในถ้ำเพื่อทำเหมืองดินแดง รวมทั้งพบหลุมขุดเจาะเก่า เครื่องมือหินที่ใช้ขุด และหินที่ทำเป็นสัญลักษณ์บอกทิศทางในถ้ำมืดอีกด้วย

.

คาดว่ามีมนุษย์เข้าไปอาศัยในเครือข่ายถ้ำใต้พิภพของคาบสมุทรยูคาตันตั้งแต่ราว 12,000 ปีที่แล้ว โดยก่อนหน้านี้มีการค้นพบซากโครงกระดูกมนุษย์ในถ้ำหลายแห่ง แต่ในช่วงสิ้นสุดยุคน้ำแข็งเมื่อราว 8,000 ปีก่อน ระดับน้ำทะเลค่อย ๆ เพิ่มสูงขึ้นและเอ่อท่วมถ้ำที่เป็นเหมืองดินแดงจนต้องจมมิดอยู่ใต้น้ำ

.

นักโบราณคดีคาดว่าภาพสัตว์เหล่านี้น่าจะถูกเขียนขึ้นเมื่อราว 11,800 - 126,000 ปีที่แล้ว

.

สำหรับการค้นพบแห่งปีที่น่าตื่นเต้นที่สุดของยุคน้ำแข็งในทวีปอเมริกา ได้แก่การพบหลักฐานที่ชี้ว่า บรรพบุรุษของชนพื้นเมืองอเมริกันได้อพยพเข้ามาอาศัยใน "โลกใหม่" ตั้งแต่ 33,000 ปีก่อน ซึ่งเร็วกว่าที่เคยคาดกันไว้ถึง 15,000 ปี

.

มีการขุดพบโบราณวัตถุซึ่งเป็นเครื่องมือหินของมนุษย์เกือบ 2,000 ชิ้น ที่ถ้ำ Chiquihuite บนภูเขาสูงทางตอนกลางของเม็กซิโก โดยเครื่องมือหินบางชิ้นสามารถตรวจสอบหาอายุด้วยคาร์บอนกัมมันตรังสีได้กว่าสามหมื่นปี แต่ไม่พบซากโครงกระดูกหรือร่องรอยดีเอ็นเอของมนุษย์ในถ้ำแต่อย่างใด

.

ก่อนหน้านี้ คำถามที่ว่ามนุษย์ยุคใหม่เดินทางมาถึงทวีปอเมริกาได้อย่างไรและเมื่อใดนั้น ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอย่างกว้างขวาง นักมานุษยวิทยาส่วนใหญ่เชื่อว่าคนจากพื้นที่แถบไซบีเรีย ได้เดินทางข้ามสะพานแผ่นดินเบริงเจีย (Beringia land bridge) ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในยุคน้ำแข็ง เข้ามาอาศัยในทวีปอเมริกาเป็นกลุ่มแรก

.

แต่ดูเหมือนหลักฐานที่พบล่าสุดจะชี้ว่า คนกลุ่มที่ทิ้งเครื่องมือหินไว้ในถ้ำ Chiquihuite จะเป็นคนกลุ่มเล็ก ๆ ที่เดินทางมาถึงก่อนล่วงหน้ากว่าหมื่นปี และอาจอพยพโดยใช้วิธีล่องเรือหรือแพเลาะมาตามชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก มากกว่าจะเดินข้ามสะพานแผ่นดินซึ่งในยุคนั้นอาจยังมีสภาพภูมิประเทศเป็นหล่มโคลนที่เดินได้ลำบาก

.

อ่านเรื่องราวต่อไปที่ >> https://www.bbc.com/thai/features-55364174