ในวันนี้ (18 ก.ค.) เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 28) เพื่อกำหนดปรับปรุงเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดขึ้นใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยเพิ่มพื้นที่ในอีก 3 จังหวัด จากประกาศก่อนหน้านี้ 10 จังหวัด พร้อมมาตรการล็อกดาวน์-เคอร์ฟิวเพิ่มเติม

การประกาศรอบล่าสุดเกิดขึ้นหลังจากที่ประชุม ศบค. วาระพิเศษ ที่มี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว. กลาโหม ในฐานะ ผอ.ศบค. เป็นประธานเมื่อ 16 ก.ค. เพิ่งส่งสัญญาณว่าเตรียมยกระดับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 หลังพบว่าประชาชนบางส่วนไม่ร่วมมือในมาตรการจำกัดการเดินทาง นับจากประกาศล็อกดาวน์ 10 จังหวัดระบาดหนัก (สีแดงเข้ม) ตั้งแต่ 12 ก.ค. ที่ผ่านมา
.
เมื่อวานนี้ (17 ก.ค.) อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงข่าวคาดการณ์ว่าหากยังไม่ทำมาตรการอะไรที่เพิ่มขึ้นจะทำให้มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจำนวนมากไปอีกอย่างน้อย 3-4 เดือน ทำให้ต้องมีการยกระดับมาตรการยกระดับควบคุมโรค โดยเฉพาะการจำกัดการเดินทางซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการแพร่ระบาดของโรค
.
ศูนย์ข้อมูลโควิด-19 สรุปสถานการณ์ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ล่าสุดในวันนี้ทำสถิติสูงเป็นประวัติการณ์อีกครั้งด้วยจำนวน 11,397 ราย ทำให้ผู้ป่วยสะสมตั้งแต่การระบาดระลอกเดือนเม.ย. เพิ่มเป็น 374,523 ราย ส่วนผู้ป่วยที่หายป่วยกลับบ้าน 5,726 ราย ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตมีจำนวน 101 ราย ถือเป็นครั้งที่สองที่จำนวนผู้เสียชีวิตสูงกว่า 100 ราย
.
สำหรับสาระสำคัญของประกาศที่เผยแพร่วันนี้ที่ลงนามโดยพล.อ. ประยุทธ์ มีสาระสำคัญดังนี้
.
1. การปรับปรุงเขตพื้นที่จังหวัดตามพื้นที่สถานการณ์ กำหนดปรับปรุงเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดขึ้นใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยเพิ่มอีก 3 จังหวัด ประกอบด้วย ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และพระนครศรีอยุธยา จากประกาศมาตรการล็อกดาวน์-เคอร์ฟิวครั้งที่แล้วที่มีผลมาแล้วตั้งแต่วันที่ 12 ม.ค. ซึ่งครอบคลุม 10 จังหวัดไปแล้ว คือ กรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี นครปฐม สมุทรสาคร สมุทรปราการ สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส
.
2. มาตรการจำกัดการเคลื่อนย้ายและดำเนินกิจกรรมของบุคคล ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดขึ้นใหม่ ให้จำกัด หรืองดเว้นภารกิจที่ต้องเดินทางออกนอกเคหสถานหรือที่พักโดยไม่จำเป็น หรือที่พำนักโดยไม่จำเป็น ยกเว้นบางกรณีที่จำเป็น เช่น การเดินทางเพื่อจัดหาเครื่องอุปโภคบริโภค ยาหรือเวชภัณฑ์ การเดินทางเพื่อพบแพทย์และรับบริการทางการแพทย์ เป็นต้น
.
3. กำหนดพื้นที่ห้ามออกนอกเคหสถานเพิ่มเติม เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ห้ามบุคคลใดในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดออกนอกเคหสถานในระหว่างเวลา 21.00 น. ถึง 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น ต่อเนื่องเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 14 วันนับแต่วันที่ข้อกำหนดฉบับนี้ใช้บังคับ
.

ตามมาตรการล็อกดาวน์ ร้านสะดวกซื้อ ตลาดโต้รุ่ง ต้องปิดทำการเวลา 20.00-04.00 น.

.

4. การกำหนดเงื่อนไขการใช้เส้นทางคมนาคมและการตรวจคัดกรองการเดินทางเฉพาะเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดใหม่ 13 จังหวัด
.
5. การขนส่งสาธารณะ กำหนดให้กระทรวงคมนาคม กรุงเทพมหานคร จังหวัด หรือหน่วยงาน ที่รับผิดชอบกำกับดูแลการให้บริการขนส่งผู้โดยสารสาธารณะทุกประเภทในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดใหม่ และการขนส่งสาธารณะทุกประเภทระหว่างจังหวัดทั่วราชอาณาจักรให้เป็นไปตามแนวทางที่ ศปก.ศบค. กำหนด โดยจำกัดจำนวนผู้โดยสำรที่ใช้บริการไม่เกิน 50% ของความจุผู้โดยสาร
.
นอกจากนี้มีมาตรการอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น
.
- ร้านจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม ห้ามกินอาหารหรือดื่มสุราในร้าน เปิดบริการได้ถึงเวลา 20.00 น.
- ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตีมอลล์ เปิดได้เฉพาะซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านขายอาหารและเครื่องดื่ม ธนาคาร สถาบันการเงิน ร้านขายยา ร้านขายอุปกรณ์สื่อสาร รวมถึงสถานที่ฉีดวัคซีน เปิดบริการได้ถึงเวลา 20.00 น.
- โรงแรมให้เปิดดำเนินการได้ตามเวลาปกติ โดยให้งดกิจกรรมจัดการประชุม การสัมมนา หรือการจัดเลี้ยง
- ร้านสะดวกซื้อ ตลาดโต้รุ่ง ปิดเวลา 20.00-04.00 น.
- โรงเรียน สถาบันการศึกษาหรือฝึกอบรม และสถานศึกษาต่าง ๆ ให้ปฏิบัติตามมาตรการที่ได้ประกาศไว้แล้วก่อนหน้านี้
- ห้ามการรวมกลุ่มเกิน 5 คนขึ้นไปหากการรวมกลุ่มนั้นไม่ใช่เพื่อการปฏิบัติหน้าที่ ประกอบอาชีพ กิจกรรมศาสนาหรือประเพณี
- ทั้งรัฐและเอกชนทำงานที่บ้านมากที่สุด
.
ทั้งนี้ ประกาศล่าสุดจะมีผลตั้งแต่วันที่ 20 ก.ค. ขณะที่มาตรการด้านขนส่งสาธารณะจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 21 ก.ค. เป็นต้นไป

.

ที่มา : bbc.com/thai/thailand-57877704