วิกฤตน้ำท่วม ดินถล่มอย่างรุนแรง ที่บริติชโคลัมเบีย บริเวณพื้นที่ชายฝั่งตะวันตกของประเทศแคนาดา เกิดขึ้นจากปริมาณฝนที่ตกอย่างหนักและต่อเนื่องตั้งแต่คืนวันเสาร์จนถึงวันจันทร์ (13-15 พ.ย.2021)


.
ภาวะน้ำท่วม สร้างความสูญสียต่ออาคารบ้านเรือน พื้นที่ของเมืองแวนคูเวอร์ เมืองใหญ่ที่สุดในรัฐ เส้นทางสัญจรถูกตัดขาด โดยผลกระทบจากฝนตกอย่างหนักกินพื้นที่กว้างไปถึงรัฐวอชิงตันของสหรัฐอเมริกา
.
พายุลูกใหญ่พัดพาปริมาณน้ำฝนมากเป็นประวัติการณ์ทั่วแนวชายฝั่งของรัฐบริติชโคลัมเบียในแคนาดาและรัฐวอชิงตันในสหรัฐอเมริกา จนทำให้ผู้คนหลายพันคนต้องอพยพออกจากบ้าน ขณะที่สภาพถนนถูกน้ำท่วมเป็นบริเวณกว้าง หลายเมืองในบริติชโคลัมเบียถูกตัดขาดโดยสิ้นเชิง และยังเกิดโคลนและดินถล่ม ทำลายบางส่วนของทางหลวงสายสำคัญ จนกระทั่งนายกรัฐมนตรีบริติชโคลัมเบีย ออกภาวะฉุกเฉิน เมื่อวันพุธ (17 พ.ย.2021) และได้ส่งกองกำลังเข้าไปช่วยเหลือผู้ที่ยังติดอยู่
.
จอห์น ฮอร์แกน นายกรัฐมนตรีบริติชโคลัมเบีย กล่าวในการแถลงข่าวตอนหนึ่งว่า ช่วงสองสามวันที่ผ่านมาเป็นเรื่องยากอย่างเหลือเชื่อสำหรับชาวบริติชโคลัมเบีย เนื่องจากเราประสบกับภัยพิบัติทางธรรมชาติอีกครั้ง
.
“ฝนตกหนัก ลมแรง น้ำท่วมได้ทำลายล้างชุมชนทั้งหมดในจังหวัดของเรา ผู้คนหลายพันคนถูกบังคับให้ออกจากบ้านของพวกเขา ภายใต้คำสั่งอพยพ และอีกหลายคนติดอยู่ระหว่างการปิดถนนและดินถล่ม”
.

บริติชโคลัมเบีย อยู่บริเวณพื้นที่ชายฝั่งตะวันตกของประเทศแคนาดา

.

น้ำท่วมครอบคลุมทางหลวงหมายเลข 1 ใน Abbotsford รัฐบริติชโคลัมเบีย วันที่ 16 พฤศจิกายน 2021

.

พื้นที่บริติชโคลัมเบีย เกิดฝนตกหนักผิดปกติ ในรอบ 100 ปี นักอุตุนิยมวิทยารายหนึ่งเรียกว่า "ขบวนพายุ" ฝนตกหนักเชื่อมโยงกับแม่น้ำในชั้นบรรยากาศ ซึ่งเป็นทางเดินแคบๆ ที่มีความชื้นเข้มข้นในบรรยากาศ
.
เจฟฟ์ มาสเตอร์ส นักวิทยาศาสตร์พายุเฮอริเคน กล่าวถึงปรากฏการณ์นี้ว่าเป็น “แม่น้ำบนท้องฟ้าที่ทำหน้าที่เหมือนท่อส่งไอน้ำจำนวนมหาศาลออกจากเขตร้อน”
.
น้ำท่วมที่ไหลบ่ารุนแรง และเกิดดินโคลนถล่ม ยังมีสาเหตุจากการตัดไม้แบบเคลียร์คัต ส่งผลกระทบต่อความเสถียรของเนินลาด อัตราการดูดซับน้ำสู่ดิน และความสามารถในการกักดินไว้ในระบบราก หากไม่มีต้นไม้ ปริมาณฝนตกที่หนักสามารถชะล้างตะกอนจำนวนมากเข้าสู่ระบบน้ำในบริเวณใกล้เคียง ทำให้ลำห้วยและลำธารสำลักและทำให้ตะกอนไหลล้นอย่างรวดเร็ว
.
นอกจากนี้ ความเสี่ยงจากดินถล่มและเศษซากยังเพิ่มขึ้นจากไฟป่าในฤดูร้อนในภูมิภาค “มีความเชื่อมโยงที่ชัดเจนมากระหว่างไฟป่าที่เกิดขึ้นกับความเสี่ยงของดินถล่มหรือเศษซาก” โธมัส มาร์ติน เจ้าหน้าที่ป่าไม้ในบริติชโคลัมเบียกล่าว “ถ้าคุณเผาต้นไม้ หญ้า และพุ่มไม้จำนวนมาก สิ่งมีชีวิตจะสกัดกั้นน้ำได้น้อยลง มันแค่ไหลลงมาจากเนินเขาโดยตรง และไฟสามารถทำให้ดินไม่อุ้มน้ำ ดังนั้นการไหลบ่าจึงเพิ่มมากขึ้น”
.

บริติชโคลัมเบีย เมื่อฤดูร้อนที่ผ่านมา?
.
พายุฝนที่ถล่มบริดิชโคลัมเบีย เป็นบริเวณเดียวกับที่เคยประสบ “คลื่นความร้อนอย่างรุนแรง” เมื่อ 5 เดือนที่แล้ว (มิ.ย.2021) ตอนนั้นทำให้เกิดไฟป่าที่ทำลายล้าง เมืองเล็กๆ บนภูเขา Lytton มีอุณหภูมิสูงถึง 49.6C (121F) ทำลายสถิติความร้อนของประเทศแคนาดา จนมีผู้เสียชีวิตจากคลื่นความร้อนถึง 486 รายในบริติชโคลัมเบีย และอีกหลายสิบรายทางตอนใต้ของชายแดน
.
สภาพอากาศสุดขั้วเกิดจาก "โดมความร้อน" ที่ขยายออกไป โดมความร้อนนั้นถูกสร้างขึ้นเมื่อความดันสูงในบรรยากาศชั้นบนทำหน้าที่เป็นฝาปิดเพื่อป้องกันไม่ให้อากาศร้อนหลบหนี เมื่อรวมกับอุณหภูมิสูงจะทำให้อากาศร้อนจมลงสู่ผิวน้ำ
.
สถานการณ์เชื่อมโยงกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศ?
.
นักวิทยาศาสตร์ที่วิเคราะห์คลื่นความร้อนในภูมิภาคพบว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดจากมนุษย์ทำให้สภาพอากาศสุดขั้วมีโอกาสเกิดขึ้นอย่างน้อย 150 เท่า “การมีไฟป่าในฤดูร้อนทำให้น้ำท่วมในฤดูหนาวรุนแรงขึ้นเป็นตัวอย่างของภัยพิบัติด้านสภาพอากาศแบบผสมผสาน”
.
โจ บูมการ์ด-ซากรอดนิก นักอุตุนิยมวิทยาการเกษตรแห่งมหาวิทยาลัยแห่งรัฐวอชิงตัน กล่าวถึงทั้งคลื่นความร้อนและพายุ บอกกับเอ็นบีซีในสัปดาห์นี้ว่า “ฤดูร้อนเราร้อนและแห้งมาก และสวิตช์ได้พลิกกลับมั นตรงกับสิ่งที่แบบจำลองสภาพภูมิอากาศที่แสดงให้เห็นอนาคตของที่นี่ เมื่อถึงฤดูร้อนที่ร้อนขึ้น แห้งแล้งกว่า และในฤดูหนาวที่อากาศชื้นมากขึ้น”
.

ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์ https://mgronline.com/greeninnovation/detail/9640000114698