อว. - กกร. ประกาศความสำเร็จความร่วมมือการจัดทำ “แผนฉบับภาคเอกชน” นำร่อง 17 แผน เดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั้งระดับภาค ระดับกลุ่มจังหวัด ระดับจังหวัด กระจายความเจริญยกระดับเศรษฐกิจภูมิภาค “เอนก” ชี้เป็นเครื่องยนต์ที่ผลักดันให้เศรษฐกิจไทยพุ่งไปข้างหน้า ด้าน ปลัด อว.เผยเป้าพัฒนาทิศทางชัดเจน ภาคเหนือเน้นเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ภาคตะวันออกเฉียง เหนือ ชูระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ เกษตร การแพทย์ ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ภาคตะวันออก ทำเป็นแหล่งผลิตสินค้าอุตสาหกรรมเทคโนโลยีเชิงลึก อาหารปลอดภัย ส่วนภาคใต้ มุ่งการท่องเที่ยวระดับนานาชาติ เผยระยะต่อไปทำแผนครอบคลุมทั่วประเทศภายใน ม.ค. 67

.
เมื่อวันที่ 21 พ.ย. ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานงานแถลงความสำเร็จของความร่วมมือการจัดทำ“ แผนพัฒนาเศรษฐกิจภูมิภาค ภาคเอกชน พ.ศ. 2566 - 2570” ภายใต้บันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่าง กระทรวง อว. และคณะกรรม การร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย และส่งมอบแผนให้ กกร. อย่างเป็นทางการ ที่โรงแรมแมนดาริน กรุงเทพมหานคร

.

ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก กล่าวว่า วันนี้เป็นวันสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์เศรษฐกิจของประเทศไทย เป็นการเกิดขึ้นของแผนพัฒนาทางเศรษฐกิจระดับภาค ระดับจังหวัด ที่ริเริ่มโดยภาคเอกชน โดยมีภาครัฐเข้าใจ สนับสนุนและร่วมมืออย่างจริงจัง ทำให้ขณะนี้เรามีเครื่องมือในการดำเนินยุทธศาสตร์ หรือแผนพัฒนาประเทศที่มีผสมผสานทั้งมิติของภาครัฐและเอกชน โดยผู้ที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงของภาคเอกชนในการทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจฯ ครั้งนี้ก็คือ กกร. ซึ่งก็เป็นองค์กรภาคเอกชนที่ได้รับการยอมรับเป็นอย่างสูง ซึ่งเดิมทำหน้าที่ให้คำปรึกษาหรือประชุมร่วมกับรัฐบาล และขณะนี้ กกร. ก็มีแผนพัฒนาเศรษฐกิจของภูมิภาคด้วยความสนับสนุน ความเข้าใจของภาครัฐ โดยมีกระทรวง อว. เป็นกระทรวงหลักที่เข้ามาร่วมขับเคลื่อน เพื่อทำให้แผนพัฒนาเศรษฐกิจของภูมิภาคเป็นเครื่องยนต์ที่ผลักดันให้เศรษฐกิจไทยพุ่งไปข้างหน้ามากยิ่งขึ้น เป็นระบบทวีอำนาจ ที่สานพลังของท้องถิ่นและภาคเอกชน ซึ่งกระทรวง อว.พร้อมสนับสนุนและช่วยเหลืออย่างเต็มกำลังความสามารถ

.

จากนั้น ศ.ดร.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวง อว. แถลงถึงความสำเร็จของความร่วมมือการจัดทำ “แผนพัฒนาเศรษฐกิจภูมิภาคภาคเอกชน พ.ศ. 2566 – 2570 ว่า การจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจภูมิภาคภาคเอกชน พ.ศ. 2566 – 2570 ได้ดำเนินการเสร็จสมบูรณ์แล้ว จำนวน 17 แผนนำร่อง พร้อมนำไปใช้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจในพื้นที่ทั้งระดับภาค 5 แผน คือ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ ระดับกลุ่มจังหวัดนำร่อง 6 แผน ประกอบด้วย กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 ภาคเหนือตอนล่าง 1 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 ภาคกลางตอนบน ภาคตะวันออก 2 และภาคใต้ฝั่งอันดามันและระดับจังหวัดนำร่อง 6 แผน ประกอบด้วย ลำปาง ตาก อุดรธานี ลพบุรี จันทบุรี และกระบี่

.

“ทั้ง 17 แผน ได้ชี้เป้าการพัฒนาเศรษฐกิจในภูมิภาค ดังนี้ ภาคเหนือ มุ่งเน้นการเป็นพื้นที่เศรษฐกิจสร้างสรรค์ โดยใช้ฐาน BCG ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ให้ความสำคัญกับระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ รวมถึงการเกษตรมูลค่าสูง ศูนย์กลางทางการแพทย์ และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ภาคกลาง เป็นฐานการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมนวัตกรรม และศูนย์กลางการกระจายสินค้าเกษตร ภาคตะวันออก เป็นแหล่งผลิตสินค้าอุตสาหกรรมเทคโนโลยีเชิงลึก อาหารปลอดภัย และการท่องเที่ยวคุณภาพสูง และภาคใต้ มุ่งสู่การท่องเที่ยวระดับนานาชาติ ที่เน้นคุณค่าผลิตผลทางการเกษตรนวัตกรรมใหม่ นอกจากนี้ ยังชี้ให้เห็นทิศทางการพัฒนาโครงการตามแนวโน้มและการเปลี่ยนแปลงของโลกในอนาคต (Global Trends) โดยมีตัวอย่างโครงการที่น่าสนใจ เช่น กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 การพัฒนาเกษตรและอาหารมูลค่าสูงภาคเหนือ (Northern Thailand Food Valley) กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก 2 การส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs ให้สามารถพัฒนาธุรกิจได้อย่างเข้มแข็ง สามารถแข่งขันได้ในระดับสากล ภาคใต้ โครงการพัฒนาพื้นที่ระเบียง BCG ภาคใต้ เป็นต้น” ปลัด อว. กล่าว

.

ด้านนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน และประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ความสำเร็จของการจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจภูมิภาคภาคเอกชน ในครั้งนี้ เป็นจุดมุ่งหมายสำคัญ ที่ภาคเอกชนจะได้นำไปนำเสนอให้เป็นแนวทางในการวางแผน และเสนอโครงการในการขับเคลื่อนและแก้ไขบัญหาเศรษฐกิจของพื้นที่ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของภูมิภาคต่อไป

.

ที่มา : mgronline https://mgronline.com/science/detail/9650000111026