รู้หรือไม่! เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน 7 ชนิดที่เราใช้อยู่ทุกวัน สามารถลดค่าไฟฟ้าที่ต้องจ่ายทุกเดือนได้ด้วยมือเรา

.

ล่าสุดกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) แนะนำถึงวิธีทำความสะอาดเครื่องใช้ไฟฟ้าที่นอกจากทำให้บ้านสะอาดตา ยังช่วยประหยัดค่าพลังงานด้วย ลองทำกันดูว่าช่วยได้แค่ไหน

.

1. ไมโครเวฟ
หากปล่อยให้คราบสกปรกฝั่งแน่นอยู่ภายในไมโครเวฟเป็นเวลานาน โดยที่ไม่ได้ทำความสะอาดเลย เครื่องจะทำงานหนักกว่าปกติ แถมยังกินไฟมากขึ้นด้วย ทางที่ดี หลังใช้งานไมโครเวฟทุกครั้ง ให้ใช้ฟองน้ำชุบน้ำแล้วเช็ดที่ด้านในเครื่อง แต่หากปล่อยไว้นาน จนคราบสกปรกฝังแน่นทำความสะอาดยาก วิธีง่าย ๆ และทำได้เร็ว คือ นำทิชชู่เปียก 2-3 แผ่น ใส่เข้าไปอบในไมโครเวฟ ด้วยอุณหภูมิปานกลาง นาน 5 นาที ให้ไอน้ำช่วยทำให้คราบสกปรกอ่อนตัวลง จากนั้นก็ใช้ทิชชู่เปียกที่อบเช็ดไมโครเวฟต่อได้เลย

.

2. ตู้เย็น
อาหารเก่า ๆ ที่แช่ไว้เต็มตู้เย็นไม่ได้เคลียร์ หรือน้ำแข็งที่เกาะช่องแช่แข็งจนหนา เป็นสิ่งที่ทำให้ตู้เย็นต้องทำงานหนักและกินไฟมากขึ้น จึงควรเคลียร์อาหารในตู้เย็นบ่อย ๆ และทำความสะอาดตู้เย็นทุก 2-3 เดือน รวมไปถึงละลายน้ำแข็งในช่องแช่แข็งเมื่อมีก้อนน้ำแข็งเกาะหนามากเกินไป แนะนำว่าก่อนล้างทำความสะอาดตู้เย็น ให้ปูผ้ารองพื้นตู้เย็นไว้ก่อน เพื่อช่วยซับน้ำจากการทำความสะอาดและละลายน้ำแข็ง เมื่อน้ำแข็งละลายเรียบร้อยแล้ว ให้ใช้เบคกิ้งโซดาผสมน้ำอุ่น เช็ดภายในตู้เย็นและช่องแช่แข็ง เพื่อทำให้คราบสกปรกทั้งหลายหลุดออกได้อย่างง่าย และยังช่วยดับกลิ่นได้อีกด้วย

.

3. เครื่องดูดฝุ่น
อย่าลืมหมั่นนำเศษฝุ่นผงในเครื่องออกมาทิ้ง เพราะถ้าปล่อยให้เครื่องมีฝุ่นอัดกันจนแน่น จะทำให้เครื่องทำงานหนักเกินไป เมื่อนำฝุ่นออกมาทิ้งเรียบร้อยแล้ว ให้ซักทำความสะอาดถุงเก็บฝุ่นด้วยน้ำอุ่น แล้วนำไปตากให้แห้ง จากนั้นใช้แปรงปัดฝุ่นทำความสะอาดอีกครั้ง แต่หากถุงเก็บฝุ่นเป็นกำมะหยี่ให้ซักทำความสะอาดด้วยน้ำเย็น แล้วนำไปตาก รวมถึงแกะข้อต่อต่าง ๆ ของเครื่องดูดฝุ่นออกมาเช็ดล้างด้วย

.

4. เตาแก๊ส/ เตาไฟฟ้า
หากมีสิ่งสกปรกอุดตันเตาจะทำให้เตาทำงานหนัก และใช้เวลาในการปรุงอาหารนานขึ้นกว่าเดิม เป็นเหตุให้เปลืองพลังงาน เปลืองค่าไฟ จึงแนะนำให้เช็ดทำความสะอาดหลังใช้งานทุกครั้ง ด้วยการใช้ฟองน้ำชุบน้ำยาล้างจานเช็ดให้คราบเหนียว คราบมันหลุดออก จากนั้นใช้ผ้าชุบน้ำสะอาดเช็ดทำความสะอาดอีกครั้ง

.

5. พัดลม
ถอดใบพัดและตะแกรงออกมาล้างเสมอ หากพัดลมมีฝุ่นเกาะหนา ประสิทธิภาพการทำงานจะลดลง ลมที่ได้จะไม่เย็นเท่าที่ควร พัดลมทำงานหนัก อีกทั้งยังเปลืองค่าไฟด้วย เมื่อพัดลมเริ่มมีฝุ่นเกาะหนา จึงควรทำความสะอาดโดยแกะตัวล็อคออก แล้วถอดตะแกรง จากนั้นหมุนตัวล็อคกลางใบพัด ถอดทั้งตัวล็อคและใบพัด จะเห็นตัวล็อคตะแกรงด้านหลัง ให้ถอดออกมา นำทั้งหมดที่ถอดออกไปล้างพร้อมกันทีเดียว ด้วยน้ำยาล้างจานและใช้แปรงสีฟันขัดฝุ่นออก จากนั้นใช้ผ้าสะอาดเช็ดให้แห้ง แล้วประกอบชิ้นส่วนเข้าที่เดิม ที่สำคัญ ต้องล็อคทุกจุดให้แน่นและครบ ไม่เช่นนั้นอาจเกิดอันตรายได้

.

6. โคมไฟ
ทำความสะอาดโคมไฟเป็นประจำ โคมไฟที่ใช้งานมานานจะมีคราบไขมัน และคราบสกปรกติดอยู่ที่หลอดไฟ จึงเป็นที่สะสมของฝุ่น ทำให้แสงไฟไม่ส่องสว่างเท่าที่ควร ฉะนั้น เราควรทำความสะอาด โดยปิดสวิชต์ไฟให้เรียบร้อยก่อน จากนั้นสวมถุงมือหรือใช้ผ้าเนื้อนิ่มรองก่อนแล้วถอดหลอดไฟออกมา ใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำเปล่าพอหมาดเช็ดบริเวณรอบ ๆ โคมไฟและที่ตัวหลอดไฟ เป่าลมจนแห้ง แล้วประกอบกลับเข้าที่เดิม

.

7. เครื่องปรับอากาศ

การทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศ จะช่วยให้เครื่องปรับอากาศเย็นเร็วขึ้น และยังประหยัดค่าไฟได้อีกด้วย จึงแนะนำให้ถอดแผ่นกรองอากาศออกมาล้างทำความสะอาด อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง วิธีล้างไม่ยาก เริ่มจากปิดเบรกเกอร์เพื่อตัดไฟก่อน จากนั้นเปิดหน้ากากเครื่องปรับอากาศ แล้วถอดแผ่นกรองอากาศออกมาล้าง เปิดน้ำให้ไหลผ่าน ใช้แปรงสีฟันขัดถูเบา ๆ จากนั้นนำไปตากให้แห้ง แล้วนำแผ่นกรองอากาศใส่กลับเข้าที่เดิม หากต้องการล้างเครื่องปรับอากาศ ก็สามารถทำเองได้ไม่ยาก

.

ทั้งนี้การทำความสะอาดแอร์ หรือเครื่องปรับอากาศที่เราอาศัยช่างล้างแอร์ อย่างน้อยปีละ 2 ครั้งนั้นยังต้องทำ ไม่เกี่ยวกับข้อปฏิบัติที่ทำเองได้ด้วยมือเราตามที่บอกไว้ข้างต้น

.

ข้อสำคัญอย่าลืมความปลอดภัยเด็ดขาด!! ก่อนทำความสะอาด ต้องถอดปลั๊กไฟ และปิดสวิซต์ไฟให้เรียบร้อยก่อนทุกครั้ง

.

ที่มา : mgronline https://mgronline.com/greeninnovation/detail/9660000016142