สตาร์บัคส์ ประเทศไทย เดินหน้ารักษ์โลกต่อเนื่อง ล่าสุดเปิดตัวแคมเปญ “LITTLE CHOICES. BIG CHANGES.” ทำสิ่งเล็กๆ แต่ได้ผลยิ่งใหญ่ ชวนลูกค้าเลือกใช้แก้ว “For Here Cup” หรือ “Personal Cup” ลดขยะใช้ครั้งเดียวทิ้ง 50% ตั้งเป้าใช้แก้วส่วนตัวเพิ่ม 3 ล้านใบ วางแผนขยาย “Greener Store” เพิ่มเป็น 20 สาขาภายในปี 2567 พร้อมยกระดับแบรนด์ยั่งยืน แต่งตั้ง “ผู้จัดการด้านผลกระทบทางสังคมและความยั่งยืน” ผลักดันกลยุทธ์ที่ออกแบบสำหรับประเทศไทยโดยเฉพาะ

.

เนตรนภา ศรีสมัย กรรมการผู้จัดการ สตาร์บัคส์ ประเทศไทย กล่าวว่า สตาร์บัคส์มีความมุ่งมั่นในการดำเนินงานตามคำมั่นสัญญาของแบรนด์ต่อพาร์ทเนอร์ (พนักงาน) ลูกค้า ชุมชน ชาวไร่กาแฟ และโลกของเรา ผ่านกาแฟทุกๆ แก้ว ภายใต้ 3 องค์ประกอบสำคัญคือ “Coffee – People - Planet” และด้วยเป้าหมายด้านความยั่งยืนของสตาร์บัคส์ในการที่จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ การใช้น้ำ และขยะลง 50% ภายในปี 2573 ซึ่งในปีนี้ สตาร์บัคส์ ประเทศไทย ตั้งเป้าลดขยะใช้ครั้งเดียวทิ้งลง 50% ล่าสุดจึงมีการเปิดตัวแคมเปญ “LITTLE CHOICES. BIG CHANGES.” เชิญชวนลูกค้าเลือกทำสิ่งเล็กๆ ที่จะช่วยสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ให้กับสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้ Reuseable Cup ด้วยการเลือกใช้แก้ว For Here Cup เมื่อสั่งเครื่องดื่มเพื่อดื่มในร้าน หรือใช้แก้วส่วนตัว หรือ Personal Cup เมื่อสั่งเครื่องดื่มกลับบ้าน โดยลูกค้าจะได้รับส่วนลด 10 บาทเมื่อนำแก้วส่วนตัวมาใช้ที่ร้าน

.

เนตรนภา ศรีสมัย กรรมการผู้จัดการ สตาร์บัคส์ ประเทศไทย

ทั้งนี้ สตาร์บัคส์ตั้งเป้าหมายการเติบโตของการใช้แก้วส่วนตัวกว่า 50% หรือกว่า 3 ล้านใบ ภายในปีพ.ศ. 2567 เพิ่มจากปี 2566 ที่มีการใช้แก้วส่วนตัวเพิ่มขึ้น 34% หรือประมาณ 2 ล้านใบ อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2541 ที่สตาร์บัคส์เปิดดำเนินการในประเทศไทยได้สนับสนุนให้ลูกค้านำแก้วส่วนตัวมาใช้มาโดยตลอดเพื่อลดขยะแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง และจนถึงลูกค้าสตาร์บัคส์มีส่วนร่วมลดขยะแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งไปแล้วกว่า 29 ล้านใบจากการใช้แก้วส่วนตัว

.

ไม่เพียงการดำเนินการก่อสร้างร้านตามมาตรฐาน LEED Certified ปัจจุบันร้านกาแฟของสตาร์บัคส์ในประเทศไทยยังได้รับการรับรองเป็น ร้านกาแฟสีเขียว หรือ Greener Stores จำนวน 12 สาขา และในปี 2567 มีแผนจะเพิ่มเป็น 20 สาขา โดย Greener Stores คือร้านกาแฟของสตาร์บัคส์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า ควบคุมด้วยระบบการบริหารจัดการพลังงานที่จัดเก็บข้อมูลแบบเรียลไทม์ เพื่อคงสถานการณ์ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิผลสูงสุด รวมไปถึงการระบุการใช้พลังงานที่บกพร่อง เพื่อปรับปรุงการใช้พลังงานให้มีประสิทธิภาพดีขึ้นในครั้งต่อไป สำหรับร้านสตาร์บัคส์ Greener Stores ทั่วโลก มีจำนวน 6,091 สาขา นอกจากนี้ สตาร์บัคส์ได้เปิดตัวโปรแกรม “Grounds for Your Garden” เพื่อให้ลูกค้าสามารถนำกากกาแฟของสตาร์บัคส์กลับไปผสมดินเพื่อปลูกต้นไม้หรือทำสวนที่บ้านได้ โดยในปีพ.ศ.2566 มีการแจกกากกาแฟไปแล้วกว่า 4,000 กิโลกรัมทั่วประเทศ

.

เนตรนภา ยังกล่าวถึงแนวทางการดูแลสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ตามคอนเซ็ปต์ Bean to Cup ซึ่งเป็นการขับเคลื่อนธุรกิจควบคู่ความยั่งยืนผ่าน 2 แนวทางหลักอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ “การสนับสนุนชาวไร่กาแฟและชุมชน” สตาร์บัคส์ช่วยดูแลและพัฒนาชุมชนชาวไร่กาแฟทั่วโลก โดยในประเทศไทย สตาร์บัคส์ได้ทำงานร่วมกับมูลนิธิพัฒนาชาวเขาแบบผสมผสาน (Integrated Tribal Development Foundation หรือ ITDF) เพื่อสนับสนุนและให้ความช่วยเหลือแบบรอบด้านกับชุมชนชาวไร่กาแฟทางภาคเหนือของไทยตามปณิธานของแบรนด์ ด้วยการพัฒนาด้านต่างๆ อาทิ การสร้างโรงเรียน การดูแลด้านสาธารณสุขและความเป็นอยู่ที่ดี รวมไปถึงการจัดอบรมเรื่องกาแฟให้กับผู้เกี่ยวข้องเพื่อการเพาะปลูกเมล็ดกาแฟคุณภาพตามมาตรฐาน และการรับซื้อกาแฟตามหลักการ C.A.F.E. Practices

.

“พาร์ทเนอร์และโครงการเพื่อความยั่งยืนของสตาร์บัคส์” สตาร์บัคส์ ประเทศไทย มุ่งมั่นผลักดันเป้าหมายที่จะลดการใช้พลาสติกในการดำเนินงานประจำวันภายในร้าน โดยสนับสนุนให้ลูกค้าและพาร์ทเนอร์มีส่วนร่วมในหลักปฏิบัติความยั่งยืน ซึ่งรวมถึง การเลือกใช้ถุงกระดาษและทิชชู่ที่ทำจากวัสดุรีไซเคิล ตลอดจนการรณรงค์ไม่รับมีดส้อมพลาสติก นอกจากนี้ ยังทำงานร่วมกับ รศ.ดร. สิงห์ อินทรชูโต ในการเปลี่ยนกากกาแฟให้เป็นสิ่งของและเฟอร์นิเจอร์สำหรับใช้งานภายในร้าน เช่น ที่รองแก้ว ถาดและโต๊ะกาแฟ เพื่อเน้นย้ำประสบการณ์ร้านกาแฟที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (eco-friendly) รวมทั้ง ทีมงานของสตาร์บัคส์ยังได้ร่วมกิจกรรม World Water Day เป็นประจำทุกปี และได้สร้าง Aqua Towers ไปแล้วถึง 5 โครงการ เพื่อส่งมอบน้ำสะอาดให้ชุมชนที่ต้องการ

.

แก้ว For Here Cup สำหรับเครื่องดื่มเย็น และร้อนม

นอกจากการดำเนินงานตามนโยบายและแผนกลยุทธ์ระดับโลก ล่าสุด สตาร์บัคส์ ประเทศไทย ได้แต่งตั้ง “จุฑาทิพย์ เก่งมานะ” ให้ดำรงตำแหน่ง “ผู้จัดการด้านผลกระทบทางสังคมและความยั่งยืน” เพื่อขับเคลื่อนสตาร์บัคส์ให้บรรลุเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมด้วยกลยุทธ์ที่ออกแบบสำหรับประเทศไทยโดยเฉพาะ

.

เนตรนภา กล่าวทิ้งท้ายว่า “เราทุ่มเทให้กับการดำเนินการตามคำมั่นสัญญาด้านสิ่งแวดล้อม ที่จะสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับสิ่งแวดล้อมและโลกของเรา เรามุ่งมั่นที่จะให้คืนกลับได้มากกว่าที่เรารับมา เราเห็นถึงความสำคัญของการมีส่วนร่วมของทุกคนในการเดินทางครั้งนี้ ด้วยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน จากพวกเราทุกคน เราจะสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ให้กับโลกของเราได้อย่างแน่นอน”

.

จุฑาทิพย์ เก่งมานะ ผู้จัดการด้านผลกระทบทางสังคมและความยั่งยืน

ที่มา : mgronline https://mgronline.com/greeninnovation/detail/9670000024825