กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เตือนประชาชนให้หลีกเลี่ยงรับประทานหมูดิบหรือสุกๆ ดิบๆ เสี่ยงป่วยด้วยโรคไข้หูดับ อาจทำให้หูหนวกถาวรหรือเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง พร้อมแนะวิธีป้องกัน โดยรับประทานอาหารที่ปรุงสุก ไม่ใช้เขียงของดิบและของสุกร่วมกัน ไม่สัมผัสเนื้อหมูและเลือดดิบด้วยมือเปล่า
สถานการณ์โรคไข้หูดับในไทย
สำหรับสถานการณ์ของโรคไข้หูดับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-7 ก.พ. 64 พบผู้ป่วยจำนวน 17 ราย เสียชีวิต 1 ราย ผู้ป่วยส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มผู้สูงอายุและวัยทำงาน ได้แก่ อายุ 55-64 ปี รองลงมาคือ อายุ 45-54 ปี และอายุมากกว่า 65 ปี ตามลำดับ ส่วนภาคที่มีผู้ป่วยมากที่สุดคือ ภาคเหนือ (ผู้ป่วย 12 ราย คิดเป็นร้อยละ 71 ของผู้ป่วยทั้งหมด) จังหวัดที่มีอัตราป่วยสูงสุด 5 อันดับแรก คือ ลำปาง สุโขทัย อุตรดิตถ์ พะเยา และจันทบุรี ตามลำดับ
โรคไข้หูดับ คืออะไร?
โรคไข้หูดับ เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย สเตร็พโตค็อกคัส ซูอิส (Streptococcus suis) โดยเชื้อนี้จะอยู่ในทางเดินหายใจของหมู และอยู่ในเลือดของหมูที่กำลังป่วย สามารถติดต่อได้ 2 ทาง คือ
- เกิดจากการบริโภคเนื้อและเลือดหมูที่ปรุงแบบดิบ หรือสุกๆ ดิบๆ
- การสัมผัสกับหมูที่ติดเชื้อทั้งเนื้อหมู เครื่องใน และเลือดหมูที่เป็นโรค โดยติดต่อสู่คนทางบาดแผล รอยขีดข่วนตามร่างกายหรือทางเยื่อบุตาที่มีเชื้ออยู่
อาการของโรคไข้หูดับ
หลังรับประทานเนื้อหมู หรือสัมผัสเลือดของหมูที่กำลังป่วย 3-5 วัน ผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูง ปวดศีรษะอย่างรุนแรง เวียนศีรษะจนทรงตัวไม่ได้ อาเจียน คอแข็ง หูหนวก ท้องเสีย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ หากพบว่ามีอาการดังกล่าว ขอให้รีบพบแพทย์ทันที และแจ้งประวัติการกินหมูดิบและสัมผัสเนื้อหมูให้ทราบ เพราะหากมาพบแพทย์และวินิจฉัยได้เร็ว จะช่วยลดอัตราการเกิดหูหนวกและการเสียชีวิตได้
กลุ่มเสี่ยงโรคไข้หูดับ
ผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง ได้แก่
เป็นต้น
หากติดเชื้อจะมีอาการป่วยรุนแรงเนื่องจากร่างกายมีภูมิต้านทานโรคต่ำ
วิธีการป้องกันโรคไข้หูดับ
นายแพทย์โอภาส แนะนำวิธีการป้องกันโรคไข้หูดับ คือ
- ควรบริโภคอาหารที่ปรุงสุกด้วยความร้อน ทำสดใหม่ โดยเฉพาะเนื้อหมู
- ควรเลือกซื้อเนื้อหมูจากตลาดสดหรือห้างสรรพสินค้า ที่ผ่านการตรวจสอบมาตรฐานจากกรมปศุสัตว์
- ไม่ซื้อเนื้อหมูที่มีกลิ่นคาว สีคล้ำ
- หากรับประทานอาหารปิ้งย่าง หมูกระทะ ทำให้สุกก่อนเสมอ
- ควรใช้ช้อนกลางส่วนตัว แยกอุปกรณ์ที่ใช้หยิบเนื้อหมูสุกและดิบออกจากกัน
- ไม่ใช้เขียงของดิบและของสุกร่วมกัน นอกจากจะเป็นการป้องกันโรคไข้หูดับแล้วยังเป็นการป้องกันโรคโควิด-19 ได้อีกด้วย
- ไม่สัมผัสเนื้อหมูและเลือดดิบด้วยมือเปล่า โดยเฉพาะผู้เลี้ยงหมู
- ผู้ที่ทำงานในโรงฆ่าสัตว์ ผู้ที่ชำแหละเนื้อหมู สัตวบาล สัตวแพทย์ ควรสวมรองเท้าบู๊ทยาง สวมถุงมือ รวมถึงสวมเสื้อที่รัดกุมระหว่างทำงาน
- หากมีบาดแผลต้องปิดแผลให้มิดชิด และล้างมือหลังสัมผัสกับหมูทุกครั้ง
- ที่สำคัญในช่วงนี้มีการระบาดของโรคโควิด-19 ขอให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด โดยการสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย 100% ล้างมือบ่อยๆ และเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล
ที่มา : กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
รูปภาพ : istockphoto