รายงานฉบับใหม่โดยองค์การอุตุนิยมวิทยาโลกระบุว่า ตลอด 50 ปีที่ผ่านมา ภัยพิบัติทางธรรมชาติเกิดบ่อยขึ้น 5 เท่า คร่าชีวิตประชาชนมากกว่า 2 ล้านคน และทำเศรษฐกิจโลกเสียหายมากกว่า 100 ล้านล้านบาท


องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) ณ เมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เผยแพร่รายงานฉบับใหม่เมื่อวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา เกี่ยวกับการวิเคราะห์ภัยพิบัติทางธรรมชาติ ว่าผลจากความเปลี่ยนแปลงด้านสภาพอากาศของโลกประมาณ 11,000 เหตุการณ์ ในรอบ 50 ปี นับย้อนหลังตั้งแต่ปี1970 ถึง 2019 (พ.ศ. 2513-2562) ซึ่งรวมถึงวิกฤตภัยแล้งในเอธิโอเปีย เมื่อปี 1983 (พ.ศ.2526) ซึ่งคร่าชีวิตประชาชนมากกว่า 330,000 ราย และพายุเฮอริเคน "แคทรีนา" ที่ถล่มสหรัฐ เมื่อปี 2005 (พ.ศ.2548)

.

วิกฤตภัยแล้งในเอธิโอเปีย เมื่อปี 1983

พายุเฮอริเคน ชื่อว่าแคทรีนา ในสหรัฐ เมื่อปี 2005

.

ตลอดช่วงเวลาดังกล่าว ภัยพิบัติทางธรรมชาติมีสาเหตุมาจากความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศโลก มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทั้งด้านความถี่ที่เกิดขึ้น และระดับของความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นเกือบ 5 เท่า จากระยะเวลาช่วงเริ่มต้นของฐานข้อมูล คือปี 2513 มาจนถึงช่วงทศวรรษปัจจุบัน ซึ่งความถี่ของการเกิดภัยพิบัติธรรมชาติแปรสัมพันธ์กับภาวะโลกร้อน.
ขณะเดียวกัน การที่ภัยพิบัติทางธรรมชาติมีความรุนแรงและสร้างความเสียหายเป็นวงกว้างมากขึ้น ส่งผลกระทบต่อมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจเช่นกัน โดยเพิ่มขึ้นจาก 175,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 5.67 ล้านล้านบาท ) ในช่วงเวลาเริ่มต้นของฐานข้อมูล เป็น 1.38 ล้านล้านดอลาร์สหรัฐ ( ราว 44.65 ล้านล้านบาท ) ในช่วงทศวรรษล่าสุดนับตั้งแต่ปี 2553 เนื่องจากสหรัฐเผชิญกับอิทธิพลของเฮอริเคนหลายลูก

.

น้ำท่วมบังคลาเทศ เมื่อปี 2007

คลื่นยักษ์สึนามิ ที่ญี่ปุ่น เมื่อปี 2011

.

ทั้งนี้ บทเรียนจากภัยพิบัติทางธรรมชาติซึ่งเกิดขึ้นหลายต่อหลายครั้ง "ล้วนมีราคาแพง" ก่อให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจมากกว่า 3.64 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 117.68 ล้านล้านบาท ) ตลอดครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา แต่ทำให้มนุษย์เพิ่มการศึกษา มีการรับมือและการแก้ไขสถานการณ์ที่ดีขึ้น เห็นได้จากจำนวนผู้เสียชีวิตที่ลดลง จากเฉลี่ยปีละมากกว่า 50,000 ราย ในช่วงเริ่มต้นของการสำรวจ ลงมาอยู่ที่ประมาณ 18,000 รายต่อปี

.

อย่างไรก็ตาม รายงานขององค์การอุตุนิยมวิทยาโลกทิ้งท้ายว่า ประเทศที่ยากจนและกำลังพัฒนายังคงต้องการความสนับสนุนด้านระบบเตือนภัยสภาพอากาศ เนื่องจากมีเพียงสมาชิกดับเบิลยูเอ็มโอเพียงครึ่งเดียว จากทั้งหมด 193 ประเทศ ที่มีระบบเตือนภัยที่มีประสิทธิภาพ และ 91% จากจำนวน 2 ล้านรายของผู้เสียชีวิตจากภัยพิบัติทางธรรมชาติบนโลกตลอด 50 ปีที่ผ่านมา อาศัยอยู่ในกลุ่มประเทศเหล่านี้

.

ข้อมูลอ้างอิง

https://www.npr.org/2021/09/07/1034607602/weather-disasters-have-become-five-times-as-common-thanks-in-part-to-climate-cha

https://www.voanews.com/usa/un-study-weather-disasters-increased-fivefold-last-50-years

ทีมา : MGR Online https://mgronline.com/greeninnovation/detail/9640000089072