โครงการ Chevron Enjoy Science ฉายภาพความสำเร็จ 8 ปี ขับเคลื่อน “สะเต็มศึกษา” บนก้าวที่แตกต่าง พัฒนา “STEM Professional Academy - STEM Career Academies - Picture Books” เครื่องมือสำคัญ มุ่งตอบโจทย์ความท้าทายหลากหลายมิติ เชื่อมโยงความร่วมมือทุกภาคส่วน เน้นผลักดันให้เกิดผลเป็นรูปธรรม สั่งสมบทเรียนขยายผลสู่โมเดลระดับประเทศและภูมิภาค นำพาโลกก้าวหน้าอย่างยั่งยืน

.

ดร.กฤษฎ์ชัย สมสมาน ผู้อำนวยการ ศูนย์ SEAMEO STEM-ED

.

บนเวทีแลกเปลี่ยน STEM Synergy for Transforming the Future of Education ที่จัดขึ้นโดย ศูนย์ภูมิภาคว่าด้วยสะเต็มศึกษาขององค์การรัฐมนตรีศึกษาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ SEAMEO STEM-ED และ บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด ซึ่งร่วมกันขับเคลื่อนสะเต็มศึกษาอย่างต่อเนื่อง ได้เชื่อมโยงภาครัฐ ภาคการศึกษา และภาคเอกชน เข้าร่วมรับฟังแนวคิดและความสำเร็จของโครงการ Chevron Enjoy Science ระยะที่ 2 ดร.กฤษฎ์ชัย สมสมาน ผู้อำนวยการ ศูนย์ SEAMEO STEM-ED กล่าวว่า “หลายคนอาจมองว่าสะเต็มศึกษาเป็นศาสตร์ที่จำกัดเฉพาะสำหรับสายวิทย์เท่านั้น ดังนั้น ตลอด 8 ปีของโครงการ Chevron Enjoy Science จึงปลูกฝังแนวคิดใหม่ สร้างจุดเชื่อมโยงให้สะเต็มศึกษาเป็นเรื่องของทุกคน ทุกสายอาชีพ ไม่ว่าจะศาสตร์หรือศิลป์ เพื่อติดอาวุธให้ผู้คนที่เกี่ยวข้องในทุกมิติของการศึกษา ได้สานต่อชุดความรู้เพื่อก้าวนำโลกในศตวรรษที่ 21 อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และในวันนี้เมื่อโครงการเดินทางมาถึงบทสรุป จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ยิ่งใหญ่สู่ก้าวถัดไปที่สำคัญของการนำบทเรียนที่สั่งสมมาตลอด 8 ปี มาขยายผลสู่โมเดลในระดับประเทศและภูมิภาค”

.

และจากความท้าทายที่ว่า “เราจะทำอย่างไรให้สะเต็มศึกษาเข้าถึงทุกคน” ทำให้โครงการฯ ไม่เพียงแต่มุ่งเน้นที่ผู้เรียนเท่านั้น แต่การที่จะขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้ ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน จึงสร้างความแตกต่างด้วยการพัฒนาโครงการฯ โดยเชื่อมโยงให้ทุกภาคส่วนเดินหน้าไปพร้อมกัน ตั้งแต่ผู้เรียน ผู้สอน นักการศึกษา ไปจนถึงผู้กำกับนโยบาย เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ และผลักดันให้เกิดผลเป็นรูปธรรม โดยมีผลวิจัยจากหลายหน่วยงานวิจัยอิสระมารองรับ

.

“หัวใจของโครงการฯ ไม่ได้ให้ความสำคัญเพียงความสำเร็จระหว่างทางเท่านั้น แต่เน้นต่อยอดจาก evidence-based study ที่นำผลการศึกษาซึ่งพิสูจน์แล้วว่าเกิดผลสำเร็จจริงไปสกัดแนวทางเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการวางนโยบายและพัฒนาการเรียนรู้ที่เหมาะสมของประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยตลอดระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมา มีสถานศึกษาเข้าร่วมโครงการฯ ถึง 724 แห่ง และมีผู้ได้รับผลประโยชน์กว่า 3 ล้านคน ซึ่งเกิดจากความร่วมมือของพันธมิตรเครือข่ายถึง 152 องค์กร ไปจนถึงสามารถสร้างการรับรู้ในสาขาอาชีพสะเต็มศึกษาแก่กลุ่มเป้าหมายกว่า 163,635 คน โดยโครงการฯ ได้พัฒนาเพื่อตอบโจทย์ในหลากหลายมิติของสะเต็มศึกษา ไม่ว่าจะเป็น STEM Professional Academy ที่เน้นการพัฒนาครูและผู้มีอำนาจบริหารจัดการการศึกษา รวมถึงได้สร้างเครือข่ายบุคลากรทางการศึกษารวมแล้วกว่า 6,500 คน STEM Career Academies ซึ่งเน้นการสร้างแรงบันดาลใจและเพิ่มเส้นทางอาชีพแก่เยาวชนทั้งทางตรงและทางอ้อมกว่า 4,000 คน ไปจนถึงโครงการต้นแบบพัฒนาการศึกษาผ่านสื่อการสอนหนังสือภาพอย่าง Picture Books เป็นต้น” ดร.กฤษฎ์ชัย กล่าว

.

ผศ.ดร.อมลวรรณ วีระธรรมโม เลขาธิการคุรุสภา ในฐานะตัวแทนองค์กรที่กำกับดูแลการพัฒนาวิชาชีพครูของประเทศ

๐ STEM Professional Academy สร้างครูต้นแบบ

แม้การพัฒนาผู้เรียนเป็นเป้าหมายสำคัญ แต่การพัฒนาบุคลากรทางการศึกษาตั้งแต่ต้นน้ำผ่าน STEM Professional Academy โครงการย่อยที่สร้าง “ครูต้นแบบสะเต็มศึกษา” เพื่อจัดตั้งชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ หรือ PLCs ถือเป็นอีกหนึ่งกลไกในการขยายผลสู่ผู้เรียนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดย ผศ.ดร.อมลวรรณ วีระธรรมโม เลขาธิการคุรุสภา ในฐานะตัวแทนองค์กรที่กำกับดูแลการพัฒนาวิชาชีพครูของประเทศ กล่าวว่า “ครูเปรียบเสมือนผู้ส่งสารที่เป็นกุญแจของการสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ในห้องเรียนอย่างสร้างสรรค์ โดยชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพได้ขับเคลื่อนภาพรวมในลักษณะ Sandbox ที่นำร่องกับเขตพื้นที่ต่างๆ เพื่อเติมเต็มกระบวนการพัฒนาผู้เรียนและผู้สอนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ปัจจุบันโครงการฯ ได้เสริมศักยภาพการจัดการเรียนการสอนให้แก่ครูกว่า 5,000 คน ซึ่งผลรวมพบว่า ครูกว่า 96% สามารถใช้กลยุทธ์การตั้งคำถามระหว่างการสอน ทำให้เด็กๆ กล้าแสดงออกและถกประเด็นต่อยอดได้ จนกลายเป็นวิถีใหม่ในห้องเรียน และสร้างวัฒนธรรมที่แข็งแกร่งให้ครูมีโอกาสพัฒนาตนเองอย่างไม่มีที่สิ้นสุด จนวันนี้ PLCs กลายเป็นกระบวนการสำคัญที่ได้รับการบรรจุในหลักสูตรที่ครูต้องปฏิบัติและสร้างการต่อยอดในเชิงนโยบาย ทั้งด้านหลักการประเมินครูและผู้บริหาร จนทำให้เกิดการปรับเปลี่ยน และการ “เปิดใจ” ให้ครูในหลากหลายพื้นที่ยอมรับและปรับการสอนเข้ากับแนวคิดดังกล่าวมากขึ้น”

.

๐ STEM Career Academies เปิดเส้นทางอาชีพ

ในด้านการสร้างแรงบันดาลใจ และ “เปิดโลก” ให้เยาวชนค้นพบเส้นทางอาชีพด้านสะเต็มอย่างกว้างขวาง โครงการสะเต็มศึกษาสู่โลกอาชีพ หรือ STEM Career Academies เป็นอีกหนึ่งโครงการที่เน้นการพัฒนาทักษะอาชีพด้านสะเต็มจากประสบการณ์ทำงานจริง ผ่านหลักสูตรฝึกอบรม 14 หลักสูตร อาทิ การร่วมกับพันธมิตรพัฒนา 6 หลักสูตรระยะสั้นเพื่อเตรียมพร้อมเยาวชนสำหรับสายอาชีพด้านสุขภาพ ไปจนถึงการร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อขับเคลื่อนโครงการนำร่องสำหรับสายอาชีพด้านการเกษตรอัจฉริยะร่วมกับ 6 โรงเรียนในภาคเหนือ และมีแผนขยายโครงการไปอีก 340 โรงเรียนทั่วประเทศ โดยจากผลสัมฤทธิ์ของโครงการฯ พบว่า ผู้เข้าร่วมโครงการกว่า 33% ได้รับข้อเสนอเข้าทำงาน และอีก 67% ศึกษาต่อในด้านที่ตนเองสนใจต่อไป อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้เยาวชนได้มองเห็นเส้นทางอาชีพสาขาสะเต็มที่กว้างขึ้น โดยโครงการฯ ยังมีแผนพัฒนาร่วมกับพันธมิตรนานาชาติ เพื่อแลกเปลี่ยนผลการวิจัยและต่อยอดทุนการศึกษาสำหรับการฝึกอบรมวิชาชีพอีกด้วย

.

ผศ.ดร.รวิน ระวิวงศ์ ผู้อำนวยการองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.)

“ในอนาคต อาชีพของสาขาสะเต็มจะไม่ใช่แบบเดิมอีกต่อไป จึงจำเป็นต้องส่งเสริมทักษะสะเต็มให้ครอบคลุมนักเรียนทุกกลุ่ม อย่าง STEM for Non-STEM Students เพื่อให้สามารถนำไปบูรณาการในแต่ละสายอาชีพ ดังนั้น สิ่งที่เราต้องทำคือสร้างระบบนิเวศทางการศึกษาให้เกิดแรงบันดาลใจด้านสะเต็ม ให้เด็กๆ สามารถค้นหาตนเองได้ตั้งแต่ระดับเริ่มต้น โดยผมมองว่าโครงการ STEM Career Academies จะเป็นโมเดลสำคัญที่จะพัฒนาบุคลากรที่มีทักษะตรงตามความต้องการ พร้อมขับเคลื่อนขีดความสามารถในการแข่งขันสู่ระดับภูมิภาคได้อย่างก้าวกระโดด” ผศ.ดร.รวิน ระวิวงศ์ ผู้อำนวยการองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) กล่าว

.

๐ Picture Books สร้างเสน่ห์การเรียนรู้

เพราะการอ่านและตีความถือเป็นพื้นฐานของการเรียนรู้ ดังนั้น นอกจากการฝึกอบรมผู้สอนและพัฒนาผู้เรียนซึ่งเปรียบเสมือนทั้งต้นน้ำและปลายน้ำแล้ว การพัฒนา “สื่อกลาง” ยังเป็นเครื่องมือสำคัญของการสร้างความสนุกและแรงบันดาลใจ พร้อมยกระดับการเรียนรู้ด้านสะเต็มให้ก้าวขึ้นไปอีกขั้น โครงการการใช้หนังสือภาพเพื่อเสริมสร้างความคิดอย่างมีวิจารณญาณและการอ่านอย่างมีความหมาย หรือ Picture Books เป็นอีกหนึ่งในโครงการที่สร้าง “เสน่ห์ของการเรียนรู้” โดยเปิดพื้นที่ให้เด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาได้พัฒนากระบวนการคิดวิเคราะห์อย่างสร้างสรรค์ผ่านการใช้หนังสือภาพ

.

ดร.รังรอง สมมิตร หัวหน้าโครงการวิจัยจากคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ

.

“ปัญหาของเด็กไทยที่เราพบคืออ่านออกเสียงได้ แต่ยังไม่สามารถเข้าใจหรือตีความสิ่งที่ซ่อนอยู่ในตัวหนังสือ เราจึงตั้งโครงการ Picture Books ขึ้น เพื่อใช้หนังสือภาพเป็นเครื่องมือพัฒนากระบวนการคิดให้นักเรียนได้ฝึกคิดอย่างมีวิจารณญาณ ผ่านการสอนของครูที่สร้างพื้นที่ปลอดภัยในการเรียนรู้ผ่านการตั้งคำถามปลายเปิด ให้เด็กๆ ได้คิดอย่างอิสระ ดังนั้น ปลายทางเราจะพบว่าเด็กๆ ได้เรียนรู้การอ่านอย่างมีความสุข และการอ่านเพื่อค้นหาความหมาย ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญที่สามารถต่อยอดกับการใช้ชีวิตประจำวัน รวมถึงวิชาอื่นๆ อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งในปีนี้ โครงการฯ มีแผนจัดทำคู่มือการสอนโดยใช้หนังสือภาพเพื่อเผยแพร่ให้นักการศึกษาใช้ฝึกอบรมครูเพื่อขยายผลต่อไป” ดร.รังรอง สมมิตร หัวหน้าโครงการวิจัยจากคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ กล่าว

.

นายปฏิเวธ บุณยะผลึก รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด

๐ เปลี่ยนความสำเร็จวันนี้
เป็นบันไดขั้นถัดไปของการพัฒนา

ความสำเร็จดังกล่าวไม่เพียงเป็นการวัดผลเชิงตัวเลข แต่ “เชฟรอน” ในฐานะบริษัทด้านพลังงานระดับโลกที่เชื่อมั่นใน “พลังคน” ได้เล็งเห็นความสำเร็จในระดับมหภาคที่ได้สร้างบุคลากรที่เปี่ยมไปด้วยทักษะด้านสะเต็มศึกษาและขยายเครือข่ายกว้างไกลยิ่งขึ้น โดย นายปฏิเวธ บุณยะผลึก รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด กล่าวว่า “จากงาน STEM Synergy for Transforming the Future of Education ผมได้เห็นจุดเริ่มต้นก้าวใหม่ของสะเต็มศึกษาที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม ซึ่งได้พัฒนามาจากผลสำเร็จของความจริงจังตลอด 8 ปีที่เชฟรอนและพันธมิตรได้ร่วมขับเคลื่อน ดังนั้น ในวันนี้จึงถือเป็นความสำเร็จอีกก้าวหนึ่งที่เราได้เห็นภาครัฐ ภาคเอกชน พร้อมทั้งหน่วยงานด้านการศึกษาทั้งประเทศไทยและภูมิภาค สนใจร่วมรับฟังแนวทางและผลสำเร็จของโครงการในงานนี้ ซึ่งจะเป็นโมเดลสำคัญที่ภาคการศึกษาสามารถนำไปต่อยอดและส่งเสริมนโยบายต่างๆ ต่อไปในอนาคต”

.

ปลายทางของโครงการ เปรียบเสมือนจุดเริ่มต้นใหม่ของภาพความสำเร็จที่ขยายผลจากความมุ่งมั่นตลอด 8 ปี โดยหลากหลายหน่วยงานได้นำโมเดลศึกษาจากโครงการฯ ไปต่อยอดในระดับที่กว้างขึ้น ไม่ว่าจะเป็น คุรุสภา และสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) ที่นำโมเดลความสำเร็จไปช่วยปลดล็อกยกระดับการผลิตครูมืออาชีพยุคใหม่ และหน่วยงานภาคเอกชนทั้งในและต่างประเทศมีการสานต่อโมเดลสร้างอาชีพ STEM Career Academies นอกจากนี้ กระทรวงศึกษาธิการยังนำรูปแบบวิจัยห้องเรียนโดยการอัดวิดีโอการสอนเพื่อใช้ในการประเมินครูอีกด้วย จะเห็นได้ว่าผลสำเร็จของโครงการฯ ในวันนี้ จะแปรเปลี่ยนสู่บันไดขั้นถัดไปของการพัฒนาสะเต็มศึกษาในระดับมหภาคที่ช่วยขับเคลื่อนโลกได้อย่างยั่งยืนในวันข้างหน้า โดยผู้ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมของโครงการฯ ได้ที่ www.chevronenjoyscience.com/th

ที่มา : mgronline https://mgronline.com/greeninnovation/detail/9670000009267