ปลัด ก.วิทย์ฯ แจ้งประกาศ ก.วิทย์ฯ เรื่อง “กำหนดหน่วยงานอื่นของรัฐที่อยู่ในกำกับของฝ่ายบริหาร” เพื่อประโยชน์ในการสนับสนุนงบวิจัยและนวัตกรรม ชี้ไม่กระทบมหาวิทยาลัย และทุกหน่วยงานขึ้นกับสังกัดเดิม
รศ.นพ.สรนิต ศิลธรรม ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชี้แจงเมื่อวันที่ 7 เมษายน 2562 ว่า เรื่องประกาศกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี “กำหนดหน่วยงานอื่นของรัฐที่อยู่ในกำกับของฝ่ายบริหาร” ที่ประกาศในเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2562 กำหนดให้หน่วยงาน 46 แห่ง เป็นหน่วยงานอื่นของรัฐที่อยู่ในกำกับของฝ่ายบริหาร ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัฒนานวัตกรรมตามความต้องการของภาครัฐ พ.ศ. 2562 นั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และหน่วยงานที่มีชื่อในประกาศฉบับนี้ จัดสรรงบประมาณเพื่อสร้างและพัฒนานวัตกรรมตามความต้องการของหน่วยงานที่ตอบโจทย์หรือแก้ปัญหาความท้าทายของประเทศ
รศ.นพ.สรนิตกล่าวว่าหน่วยงานต่างๆ เหล่านี้จะได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐเป็นพิเศษ และเมื่อสร้างนวัตกรรมได้แล้วสามารถนำมาขึ้นทะเบียนบัญชีนวัตกรรมไทย เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐที่เป็นเจ้าของโจทย์หรือที่ต้องการใช้งานจัดซื้อจัดจ้างนวัตกรรมอย่างน้อยร้อยละ 30 ทั้งนี้เรื่องดังกล่าวนี้ไม่เกี่ยวข้องกับต้นสังกัด โดยทุกหน่วยงานยังคงสังกัดหน่วยงานเดิม ส่วนมหาวิทยาลัยก็ไม่ได้รับผลกระทบ ยังเข้าสู่โครงสร้างกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมตามแผนที่ได้วางไว้ แต่หน่วยงานจะได้รับประโยชน์จากงบประมาณในการวิจัย พัฒนา และนวัตกรรมเพิ่มมากขึ้น"
"การพัฒนานวัตกรรมตามความต้องการของภาครัฐ คือแนวทางใหม่ในการแก้ปัญหาที่เป็นความท้าทายของหน่วยงานภาครัฐทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคง ซึ่งผลิตภัณฑ์ บริการ หรือ Solution ที่ต้องการใช้นั้น อาจยังไม่มีจำหน่ายหรือให้บริการในประเทศ หรือยังไม่สามารถระบุคุณสมบัติได้ อีกทั้งยังต้องอาศัยการวิจัยและพัฒนาอีกระยะหนึ่ง แนวคิดนี้เรียกอีกอย่างว่า Research Procurement หรือ RDI for Government Demand
การดำเนินการแบ่งเป็น 3 ระยะ คือ ช่วงการศึกษาแนวคิดและความเป็นไปได้ ช่วงการพัฒนาต้นแบบ และช่วงการผลิตต้นแบบจำนวนหนึ่งเพื่อทดลองใช้งานและทดสอบคุณภาพ หน่วยงานของรัฐซึ่งเป็นผู้กำหนดความต้องการจะเปิดโอกาสให้หน่วยงานวิจัย/สถาบันการศึกษา ร่วมกับภาคเอกชน ส่งข้อเสนอโครงการเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์และความต้องการดังกล่าว"
"ในแต่ละช่วงอาจมีหลายทีมได้รับการสนับสนุนทุนเพื่อดำเนินการตามข้อเสนอ และเมื่อสิ้นสุดการดำเนินการในแต่ละระยะจะมีการประเมินผลงานและคัดเลือกทีมที่มีผลงานมีความเป็นไปได้ที่จะสำเร็จสูง เพื่อดำเนินการในช่วงต่อไป จนกระทั่งสิ้นสุดระยะที่ 3 ภาคเอกชนที่เข้าร่วมโครงการสามารถนำนวัตกรรมที่ได้จากการวิจัยและพัฒนาไปผลิตหรือให้บริการในเชิงพาณิชย์ แล้วนำมาขึ้นทะเบียนบัญชีนวัตกรรมไทย เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐจัดซื้อจัดจ้างเพื่อใช้ในการแก้ปัญหาความท้าทายในวงกว้างต่อไป"
รศ.นพ.สรนิตแจงอีกว่า การดำเนินการนี้จะเกิดประโยชน์ต่อทุกภาคส่วน เริ่มตั้งแต่การส่งเสริมให้หน่วยงานภาครัฐริเริ่มโครงการนวัตกรรม ช่วยสร้างวัฒนธรรมในการใช้การวิจัยและพัฒนาเพื่อแก้ปัญหาของประชาชน ลดการนำเข้าและพึ่งพิงเทคโนโลยีจากต่างประเทศ อีกทั้งยังช่วยยกระดับผู้ประกอบการไทยให้มีขีดความสามารถในการพัฒนานวัตกรรมโดยผ่านความร่วมมือกับหน่วยงานวิจัยและสถาบันอุดมศึกษา สามารถลดขั้นตอนและระยะเวลาในการถ่ายทอดเทคโนโลยี ทำให้งบประมาณของรัฐที่ใช้ในการสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมเกิดความคุ้มค่าทั้งในภาครัฐ การวิจัย ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม
"และเมื่อนวัตกรรมสามารถขึ้นทะเบียนบัญชีนวัตกรรมไทยได้ ภาครัฐสามารถใช้งบประมาณในการจัดซื้อจัดจ้างได้อย่างตรงตามความต้องการ เพราะเป็นผู้กำหนดโจทย์ตั้งแต่ต้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิผลของการดำเนินนโยบายบัญชีนวัตกรรมไทยด้วยอีกทางหนึ่ง เกิดความคุ้มค่าและเป็นไปตามวินัยทางการเงินและการคลังของรัฐ เกิดการพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยีไปสู่การใช้ประโยชน์ได้จริง และยังช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายเพื่อการวิจัยและพัฒนาของประเทศให้สูงขึ้น อันจะทำให้อันดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในระยะยาวจะลดการขาดดุลชำระเงินทางเทคโนโลยี รวมถึงเป็นเพิ่มความมั่นคงทางเทคโนโลยีและเศรษฐกิจของประเทศต่อไป" รศ.นพ.สรนิตระบุ
ที่มา : Manager online 8 เมษายน 2562 [https://mgronline.com/science/detail/9620000034495]