ในอเมริกาขณะนี้ ราว 10% ของผู้ใหญ่ชาวอเมริกัน หรือประมาณ 26 ล้านคน มีอาการแพ้อาหารอย่างน้อยหนึ่งอย่าง ส่วนในยุโรปจำนวนผู้ที่มีอาการแพ้อาหารอย่างน้อยหนึ่งอย่างก็มีราว 10% เช่นกัน
โดยทั่วไปอาหารซึ่งมักทำให้เกิดอาการแพ้นั้น ได้แก่ อาหารทะเล ไข่ นม และถั่วลิสง เป็นต้น และโดยปกติแล้ว ผู้ที่ไปทานอาหารนอกบ้านมักจะเชื่อหรือไว้ใจว่าผู้ให้บริการอาหารหรือพนักงานเสิร์ฟที่ร้าน มักจะมีความรู้เรื่องอาหารที่ร้านและการแพ้อาหารมากพอที่จะให้คำแนะนำต่อตนได้
อย่างไรก็ตาม ผลการสำรวจของทีมนักวิจัยระหว่างประเทศซึ่งทำกับภัตตาคาร 295 แห่งใน 15 เขตของเมืองดุสเซลดอฟ ในเยอรมนี พบว่ามีเพียง 30% ของพนักงานเสิร์ฟเท่านั้นที่สามารถระบุอาหารซึ่งอาจก่อให้เกิดอาการแพ้ เช่น นม ไข่ และอาหารทะเล ได้อย่างถูกต้อง
การวิจัยนี้ยังพบด้วยว่า มีพนักงานเสิร์ฟในกลุ่มที่สำรวจมากถึง 89% เชื่อมั่นอย่างผิดๆ ว่าตนมีความรู้อย่างถูกต้องและเพียงพอเกี่ยวกับอาหารที่ทำให้เกิดอาการแพ้ได้
นักวิจัยที่ทำการสำรวจบอกว่า เรื่องนี้อาจสร้างปัญหาและเป็นอันตรายได้เพราะโดยปกติแล้วลูกค้าผู้ไปทานอาหารหรือผู้รับบริการส่วนใหญ่มักมีความคาดหวังว่าคนที่ทำงานในร้านอาหาร โดยเฉพาะพนักงานเสิร์ฟ ซึ่งเป็นบุคคลกลุ่มแรกที่ได้พบ และเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับอาหารที่ตนจะสั่งเพื่อรับประทานนั้น จะมีข้อมูลความรู้เพียงพอเกี่ยวกับสิ่งที่อาจทำให้ตนเกิดอาการแพ้
ข้อมูลที่น่าสนใจอีกสองอย่างจากการสำรวจก็คือ ผู้จัดการร้านหรือพนักงานเสิร์ฟที่ภัตตาคารขนาดใหญ่ และพนักงานเสิร์ฟที่มีการศึกษาขั้นต่ำระดับมัธยมปลาย จะมีความรู้เรื่องอาหารที่ทำให้เกิดอาการแพ้มากกว่า
นอกจากนั้นพนักงานเสิร์ฟที่เป็นสตรีมักจะมีความโน้มเอียงที่จะรับฟังและเชื่อลูกค้า เมื่อได้รับการแจ้งว่าลูกค้าแพ้อาหาร เมื่อเทียบกับพนักงานเสิร์ฟเพศชาย
ที่มา : Voice of America 25 เมษายน 2562 [https://www.voathai.com/a/restaurant-servers-food-allergy-ct/4890651.html]