“สุวิทย์” เตรียมทุ่ม 200 ล้าน ลงทุนวิจัยด้านเทคโนโลยีควอนตัมให้สำเร็จภายใน 5 ปี เบื้องต้นให้ม.เชียงใหม่เป็นแกนหลักร่วมกับ 8 มหาวิทยาลัยเครือข่ายในการจัดตั้งสถาบันควอนตัมแห่งชาติ
ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยว่า เทคโนโลยีควอนตัม เป็นเทคโนโลยีแห่งศตวรรษที่ 21 ที่โลกกำลังให้ความสนใจ โดยเทคโนโลยีนี้จะมีความสำคัญมากที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศ ทั้งด้านฟิสิกส์ เคมี การแพทย์ คอมพิวเตอร์ ฯลฯ และถือเป็นเทคโนโลยีแห่งอนาคตที่ ประเทศไทย ต้องเตรียมความพร้อมในการรับมือ โดยจะต้องมีสถาบันเทคโนโลยีควอนตัมระดับชาติ เพื่อสร้างระบบนิเวศควอนตัมที่สมบูรณ์ ภายใต้เครือข่ายของนักวิจัย นักเทคโนโลยี และการลงทุนจากภาคอุตสาหกรรมผ่านการประสานงานของอุทยานวิทยาศาสตร์ต่าง ๆ เพื่อสร้างความเข้มแข็งในการพัฒนาเทคโนโลยีควอนตัมของประเทศ
ทั้งนี้กระทรวงอว.จะใช้งบประมาณจำนวน 200 ล้านบาท จากงบประมาณวิจัยรวมปี 2563 ที่ อว. ตั้งไว้ที่ 37,000 ล้านบาท ในการลงทุนวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีควอนตัมให้สำเร็จภายใน 5 ปี
ดร.สุวิทย์ กล่าวว่า จากการเยี่ยมชมความพร้อมในโครงการจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศด้านเทคโนโลยีควอนตัม ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ถือว่ามีความสมบูรณ์และความพร้อม เป็นที่รวบรวมบุคลากรที่เก่งด้านฟิสิกส์เป็นจำนวนมาก มีขีดความสามารถเชิงการวิจัยด้านวิทยาศาสตร์ควอนตัมที่โดดเด่น อีกทั้งยังได้ทำการพัฒนาเทคโนโลยีการทดลองและอุปกรณ์วิจัยมากมายเป็นของตนเอง มีความสามารถในการถ่ายโอนเทคโนโลยีดังกล่าวสู่ห้องวิจัยเกิดใหม่ทั่วประเทศ
อย่างไรก็ดีภายในเดือน ก.ย.นี้ จะให้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่เป็นแกนหลักในการขึ้นรูปสถาบันควอนตัมแห่งชาติ ร่วมกับ 8 มหาวิทยาลัยเครือข่าย เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าธนบุรี เป็นต้น รวมทั้งบุคลากรผู้เชี่ยวชาญด้านควอนตัมของประเทศ ประมาณ 42 คนมาประชุมระดมสมองเพื่อจัดทำโรดแมปการจัดตั้งสถาบันควอนตัมแห่งชาติให้เกิดขึ้นให้ได้ภายใน 5 ปี ซึ่งจะต้องมีการสื่อสารกับประชาชนให้เข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของเทคโนโลยีนี้ด้วย
สำหรับโครงการจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศด้านเทคโนโลยีควอนตัม ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นการจัดตั้งขึ้นงบการลงทุนเบื้องต้นของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่จำนวน 100 ล้านบาท เพื่อสร้างต้นแบบและนวัตกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง ที่สามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมและชุมชน รวมไปจนถึงการสร้างผลตอบแทนเชิงพาณิชย์ ตลอดจนธุรกิจบ่มเพาะอันอาจจะเกิดขึ้นจากต้นแบบนวัตกรรมนั้น ๆ ซึ่งจะส่งผลให้ประเทศไทยเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมควอนตัมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นการเตรียมพร้อมการสถาปนาสถาบันเทคโนโลยีควอนตัมระดับชาติในอนาคตต่อไป
ที่มา : Dailynews online 30 สิงหาคม 2562 [https://www.dailynews.co.th/it/728974]