อว. - กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ สาธารณรัฐประชาชนจีน ร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ใน 11 สาขา 5 รูปแบบ ทั้งเกษตร การแพทย์ พลังงาน การบินและอวกาศ “ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์” เผยต้องนำความรู้ระดับสูงจากต่างประเทศมาต่อยอดประยุกต์ให้เหมาะสมกับ ประเทศไทย

ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.การอุดศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการส่งเสริมความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ วิชาการ และนวัตกรรม ระหว่างกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมี นายหลู่ย์ เจี้ยน เอกอัครราชทูตจีนประเทศประเทศไทยเป็นผู้ลงนามฝ่ายจีน และมี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายหลี เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นสักขีพยาน ที่ตึกสันติไมตรีหลังใน ทำเนียบรัฐบาล
ดร.สุวิทย์ กล่าวว่า บันทึกความเข้าใจฯ ครั้งนี้ จะช่วยส่งเสริมและต่อยอดกิจกรรมความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมระหว่างประเทศไทยและประเทศจีนที่มีอยู่เดิม รวมทั้งพัฒนากลไกความร่วมมือใหม่ๆ ให้เกิดผลประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรมกับทั้งสองประเทศอย่างยั่งยืน โดยสาขาความร่วมมือที่ระบุในบันทึกความเข้าใจฉบับนี้ ครอบคลุมความร่วมมือ 11 สาขา ได้แก่ 1.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 2. เทคโนโลยีการเกษตร 3. เทคโนโลยีชีวภาพและวิทยาศาสตร์การแพทย์ 4. เทคโนโลยีพลังงาน 5. เทคโนโลยีวัสดุและการผลิต 6.เทคโนโลยียานยนต์และรถไฟความเร็วสูง 7.เทคโนโลยีการบินและอวกาศ 8. นโยบายด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (วทน.) 9. การถ่ายทอดเทคโนโลยี 10. การแลกเปลี่ยนนักวิทยาศาสตร์และนักวิจัย และ 11. สาขาอื่นๆ ด้าน วทน. ที่ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องร่วมกัน
ส่วนขอบเขตความร่วมมือ ครอบคลุม 5 รูปแบบ ได้แก่ 1. การร่วมกันดำเนินการวิจัยและพัฒนา 2. การแลกเปลี่ยนนักวิทยาศาสตร์ ผู้ชำนาญการ และนักวิจัยระหว่างกัน 3. การแลกเปลี่ยนนโยบายด้าน วทน. และประสบการณ์ความเป็นผู้ประกอบการ 4. การประชุมทางวิชาการ การพัฒนาหลักสูตร การประชุมเชิงปฏิบัติการ การสัมมนา การฝึกอบรม การฝึกงานวิจัยและการศึกษาดูงานของกลุ่มเป้าหมายร่วมกัน และ 5. รูปแบบอื่น ๆ ของความร่วมมือที่ทั้งสองฝ่ายตัดสินใจร่วมกัน
“บันทึกความเข้าใจฉบับนี้ เป็นหนึ่งในการดำเนินงานตามนโยบายด้านความร่วมมือระหว่างประเทศของ อว. เพื่อพัฒนากำลังคน พัฒนาองค์ความรู้ และพัฒนานวัตกรรมของประเทศ โดยอาศัยความร่วมมือกับหน่วยงานระดับนานาชาติ ในต่างประเทศ เชื่อมโยงให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีและการใช้นวัตกรรมที่เหมาะสมกับประเทศไทย ซึ่งเป็นไปได้ด้วยการนำองค์ความรู้ระดับสูงจากต่างประเทศมาพัฒนาต่อยอดและประยุกต์ให้เหมาะสมกับพื้นที่และบริบทของประเทศไทย ผ่านการผลักดันความความร่วมมือในรูปแบบต่างๆ อย่างต่อเนื่องและเป็นรูปธรรม ดังตัวอย่างการทำงานร่วมกันระหว่างไทยและจีนที่มีความสัมพันธ์ด้าน วทน. ที่ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย” ดร.สุวิทย์ กล่าว
สำหรับบันทึกความเข้าใจดังกล่าว เป็นการต่ออายุจากบันทึกความเข้าใจระหว่าง 2 กระทรวง ที่หมดอายุเมื่อปี 2561 ตามกรอบความร่วมมือในการเป็นหุ้นส่วนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระหว่างประเทศไทยและประเทศจีน มีรูปแบบที่หลากหลาย เช่น การแลกเปลี่ยนบุคลากรเพื่อดำเนินการวิจัยร่วมกัน การจัดตั้งห้องปฏิบัติการวิจัยร่วม การถ่ายทอดเทคโนโลยี รวมไปถึงการอำนวยความสะดวกในการจับคู่เพื่อเจรจาธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ วิทยาศาสตร์ เทคโน โลยี และนวัตกรรมในสาขาต่างๆ
"ที่ผ่านมามีผลของความร่วมมือที่เป็นรูปธรรม เช่น การจัดตั้งห้องปฏิบัติการร่วมชีวภาพจุลินทรีย์ไทย-จีน การแลกเปลี่ยนข้อมูลและการร่วมวิจัยด้านการสำรวจระยะไกลผ่านดาวเทียมเพื่อ การเฝ้าระวังและแจ้งเตือนภัยพิบัติทางธรรมชาติล่วงหน้า ความร่วมมือด้านการทดสอบเมล็ดพันธุ์พืชไทยในพื้นที่แปลงทดลองปลูกในมณฑล กว่างตง (กวางตุ้ง) ประเทศจีนพร้อมทั้งการจับคู่ธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการเมล็ดพันธุ์ไทยกับจีน" ดร.สุวิทย์ กล่าว
ในอนาคตอันใกล้นี้ โรงแรม อ่าวนางปรินซ์วิลล์ วิลล่า รีสอร์ท แอนด์ สปา และบริษัท แพค คอร์ปอเรชั่น ยังมีความร่วมมือที่จะติดตั้งแผงเซลล์แสงอาทิตย์ เพื่อผลิตไฟฟ้าใช้สำหรับล็อบบี้ของโรงแรม และอาคารพาณิชย์ที่เปิดให้เช่าบริการหน้าโรงแรมอีกด้วย ซึ่งอิทธิฤทธิ์กล่าวว่าการนำเทคโนโลยีพลังงารและเทคโนโลยีสนับสนุนการเป็นสมาร์ทโฮเทล (Smart Hotel) นี้ จะช่วยลดต้นทุนในการบริการและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของโรงแรม อีกทั้งสนับสนุนนโยบายจังหวัดที่จะพัฒนาให้กระบี่เป็นเมืองต้นแบบ Go Green ที่เป็นเมืองน่าเที่ยว น่าพัก และมีสิ่งแวดล้อมที่ดีไว้บริการลูกค้า

ที่มา : Manager online 5 พฤศจิกายน 2562  [https://mgronline.com/science/detail/9620000106232]