แฟ้มภาพ - ภาพถ่ายเมื่อ 7 ม.ค. 2020 เชฟหุ่นยนต์เทน้ำสลัด ระหว่างการสาธิตการปรุงอาหารที่งาน CES tech show ในนครลาสเวกัส (เอพี)
บทบาทของหุ่นยนต์ในภาคธุรกิจเริ่มจะเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น ล่าสุดในสหรัฐฯ พัฒนาร้านอาหารที่ผนึกกำลังทั้งหุ่นยนต์ที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย และขุมพลังของปัญญาประดิษฐ์ มาไว้ในร้านอาหารแห่งแรกของโลก
.
ร้านอาหาร CaliExpress ในเมืองพาซาดีนา รัฐแคลิฟอร์เนีย ถือเป็นร้านอาหารอัตโนมัติเต็มรูปแบบแห่งแรกในโลก ที่นำเทคโนโลยีหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาปรับใช้ เพื่อให้บริการรวมถึงปรุงอาหารให้แก่ลูกค้า พนักงานของร้านแห่งนี้ ทำหน้าที่เพียงรวบรวมอาหารและจัดลงบรรจุภัณฑ์
.
ภายในครัวหลังร้าน CaliExpress หุ่นยนต์ในแต่ละสถานี จะถูกมอบหมายให้ปรุงอาหารที่ต่างออกไป บางจุดทำหน้าที่ทอดอาหาร บางจุดดูแลเรื่องการทำแฮมเบอร์เกอร์
.
โทนี่ โลเมลิโน ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท Pop ID กล่าวว่า “ด้านหลังเป็นตู้แช่เย็นเก็บรักษาเนื้อสัตว์ที่เป็นชิ้นเอาไว้ เนื้อ แต่ละชิ้น จะถูกบด และปั้นขึ้นรูป สด ใหม่ ตามออร์เดอร์ลูกค้า”
.
เทคโนโลยีการจดจำใบหน้าผ่านหุ่นยนต์ จะรับคำสั่งซื้อ ลูกค้าแต่ละคนสามารถปรับแต่งจานอาหารให้ตรงตามความต้องการ รวมถึงหุ่นยนต์จะดูแลเรื่องการชำระเงิน ซึ่งบริการจากหุ่นยนต์นั้น ไม่มีการเรียกร้องเงินพิเศษตอบแทนการให้บริการ หรือเงินทิปจากลูกค้า
.
นอกจากนี้ การใช้เทคโนโลยีมาช่วยในธุรกิจร้านอาหาร ยังถือเป็นการ “ปฏิวัติความปลอดภัย” ให้กับอาหารทุกจาน การปรุงอาหารที่คลาดเคลื่อนหรือปล่อยให้อาหารไหม้เกรียม เป็นเรื่องที่แทบจะกำจัดได้เกือบทั้งหมด ซึ่งถือว่าช่วยลดขยะอาหาร ทั้งด้านวัตถุดิบและน้ำมันที่ใช้การทำอาหาร
.
ไรอัน ซินเน็ตต์ ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Miso Robotics ให้สัมภาษณ์ว่า เราให้ความสำคัญต่ออุตสาหกรรมธุรกิจร้านอาหาร ถ้าคุณลองพิจารณา จะพบว่าธุรกิจร้านอาหาร ไม่ได้มีเทคโนโนโลยีที่ดีที่สุด ต่างจากอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่ทันสมัย มันเหมือนกับว่า จริง ๆ แล้ว เทคโนโลยียังเข้าไปไม่ถึงธุรกิจร้านอาหาร
.
ในทัศนะของฝ่ายบริหารร้านอาหาร มองว่าหุ่นยนต์เหล่านี้เป็น “พนักงานที่สมบูรณ์แบบ” ไม่มีการเรียกร้องสิ่งใดเป็นพิเศษ ไม่ขอค่าแรงต่อชั่วโมงเพิ่ม แม้ว่ายังไม่มีตัวเลขค่าใช้จ่ายที่แน่ชัด สำหรับการบำรุงรักษาดูแลหุ่นยนต์ แต่ผู้เกี่ยวข้องเชื่อว่าจะไม่ใช่มูลค่าที่มีนัยยะสำคัญ
.
โลเมลิโน จากบริษัท Pop ID ประเมินว่า จากจำนวนพนักงานประมาณห้าถึงหกคนต่อหนึ่งกะการทำงาน อาจจะเหลือพนักงานเพียงคนเดียว ซึ่งลดค่าใช้จ่ายไปได้ราว 80 เปอร์เซ็นต์
.
การช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายด้านแรงงานเป็นแรงผลักสำคัญ ที่จะส่งให้เหล่าหุ่นยนต์ถูกนำไปใช้งานจริง ในปี 2023 แกวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ประกาศขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำสำหรับพนักงานร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดเป็น 20 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง ซึ่งหากผู้ประกอบการ นำเทคโนโลยีหุ่นยนต์มาใช้ ก็สามารถเลี่ยงค่าใช้จ่ายนี้ได้
.
กัสปาร์ ริเวร่า-ซัลกาโด้ จากสถาบันวิจัยแรงงานและการจ้างงาน (IRLE) มหาวิทยาลัยแห่งแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตลอสแอนเจลิส (UCLA) ชี้ว่า ในมุมมองของนายจ้าง การจ่ายค่าแรงขั้นต่ำให้กับพนักงานร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด จะทำให้ค่าจ้างแรงงานเพิ่มขึ้น และพวกเขามองหาวิธีที่จะลดต้นทุน
.
การเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ เป็นความพยายามในการดึงแรงงานเข้าสู่ธุรกิจฟาสต์ฟู้ด แต่การเลือกใช้หุ่นยนต์จะช่วยหลีกเลี่ยงค่าจ้างที่สูงขึ้น อีกทั้งหุ่นยนต์เหล่านี้จะทำหน้าที่ที่แรงงานมนุษย์ต่างปฏิเสธ
.
โลเมลิโน เผยว่าแม้จะจ่ายค่าตอบแทนเป็นเงิน 20 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง แต่ที่เมืองพาซาดีนา ยังเป็นเรื่องลำบาก ที่จะหาพนักงานในจำนวนที่ต้องการเพื่อมาทำงานในร้านแห่งนี้
.
แม้ว่าลูกค้าจะตื่นตากับความแปลกใหม่ ที่ได้รับจากบริการของหุ่นยนต์ แต่ความเปลี่ยนแปลงนี้ อาจมาพร้อมกับปัญหาด้านเทคนิค และบางครั้งลูกค้าต้องการสื่อสารกับพนักงานที่เป็นมนุษย์
.
ริเวร่า-ซัลกาโด้ อธิบายว่า บางครั้งพนักงานบ่นว่า ต้องตรวจสอบอุปกรณ์อัตโนมัติเหล่านี้ เพราะมันมักที่จะมีปัญหา และสำหรับลูกค้า บางครั้งต้องการที่จะพูดคุยกับพนักงานที่เป็นมนุษย์ เพราะสามารถช่วยเหลือคำร้องขอที่มีความซับซ้อนได้
.
แม้ว่าเทคโนโลยีหุ่นยนต์จะขยายเข้าไปในอุตสาหกรรมต่าง ๆ มากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่การใช้หุ่นยนต์ในธุรกิจร้านอาหาร โดยเฉพาะการปรุงอาหาร เสียงตอบรับของผู้บริโภคจะถูกใช้เพื่อประเมินว่า โลกของเราพร้อมสำหรับ “เชฟหุ่นยนต์” แล้วหรือไม่
ที่มา : voathai https://www.voathai.com/a/robotic-restaurant-opening-in-california/7448016.html