วว.จัดสัมมนาแลกเปลี่ยนความรู้กับ GH Medical บริษัทธุรกิจกัญชาจากเนเธอร์แลนด์ สู่เป้าหมายนำกัญชาเพื่อใช้ประโยชน์การแพทย์
สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ร่วมกับบริษัท GH Medical ประเทศเนเธอร์แลนด์ จัดงานสัมมนาวิชาการ “The International Cannabis-based Medicine Industry 2019” ในวันที่ 19 ธ.ค.62 ณ ห้องประชุมชั้น 5 อาคาร สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) เทคโนธานี อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เพื่อแถลงบทบาทองค์กรด้านการวิจัยพัฒนา “กัญชง-กัญชา” และแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้ และส่งเสริมความเข้าใจ ให้ทราบถึงความก้าวหน้าทางการวิจัย รวมถึงประโยชน์จากการในการนำกัญชาเพื่อใช้ประโยชน์การแพทย์
ดร.ชุติมา เอี่ยมโชติชวลิต ผู้ว่าการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวว่า ปัจจุบันการนำกัญชาเพื่อใช้ประโยชน์การแพทย์ได้รับความสนใจอย่างแพร่หลายทั่วโลก ดังนั้นเพื่อก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูล ความรู้เพื่อส่งเสริมความเข้าใจ และทราบถึงความก้าวหน้าทางการวิจัย รวมถึงประโยชน์จากการในการนำกัญชาเพื่อใช้ประโยชน์การแพทย์ ซึ่งจะเป็นการสร้างเครือข่ายจากหน่วยงานภาครัฐ เอกชน หน่วยงานด้านการศึกษาและหน่วยวิจัยต่างๆ ทั้งในประเทศและในระดับสากล
วว.จึงได้ร่วมกับบริษัท GH Medical ประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการนำกัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์อันดับต้นๆ ของโลก เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้ และส่งเสริมความเข้าใจ ให้ทราบถึงความก้าวหน้าทางการวิจัย รวมถึงประโยชน์จากการในการนำกัญชาเพื่อใช้ประโยชน์การแพทย์ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับเงื่อนไขและข้อห้ามในประเทศต่างๆ รวมถึงข้อคิดเห็นในการนำกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ในประเทศไทย
ผู้ว่าการ วว. กล่าวถึงบทบาทองค์กรด้านการวิจัยพัฒนา “กัญชง-กัญชา” ว่า วว.เป็นหน่วยงานวิจัยชั้นนำในการบูรณาการวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี เพื่อสร้างสังคมนวัตกรรมอย่างยั่งยืน มีองค์ความรู้ครบวงจรที่พร้อมวิจัยและพัฒนาต่อยอดการใช้ประโยชน์ของสมุนไพร ในด้านนำมาใช้กับกัญชา ทางองค์กรมีความพร้อมที่ครอบครุมในทุกๆ ด้าน ทั้งด้านความเชี่ยวชาญของบุคลากรและอุปกรณ์เครื่องมือในการดำเนินงาน
วว.ได้แบ่งการวิจัยเป็นส่วนต่างๆ ดังนี้ 1."ด้านการเพาะปลูก" ได้แก่ วิจัยและส่งเสริมการปลูก และการปรับปรุงพันธุ์ ให้ได้สายพันธุ์กัญชาที่มีคุณภาพ 2.ด้านการสกัดและวิเคราะห์สารสำคัญ ได้แก่ การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีด้านสกัดสารสำคัญจากกัญชา เนื่องจากน้ำมันกัญชาที่สกัดจะมีสารประกอบที่เจือปนด้วยโลหะหนัก หากไม่มีการสกัดที่ถูกวิธีและนำไปให้ก็อาจเกิดอันตรายได้ และ 3.ด้านการวิจัยและพัฒนาเพิ่มมูลค่าในรูปแบบเวชสำอาง เพราะสารสกัดกัญชาสามารถรักษาโรคผิวหนังได้ การผลิตภัณฑ์อาหารเสริมให้ได้เป็นที่ยอมรับของตลาด และทางองค์กรหวังเป็นอย่างยิ่งว่าองค์ความรู้ของการวิจัยดังกล่าวและแขนงอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง จะช่วยส่งเสริม ขับเคลื่อนการเพิ่มมูลค่าของสมุนไพรไทยสู่ตลาดโลกในอนาคต
ทั้งนี้ การสัมมนาดังกล่าวครอบคลุมข้อมูลพื้นฐาน ประวัติความเป็นมา กฎระเบียบสากล และกรอบแนวคิดของข้อกฎหมายของการนำกัญชาเพื่อใช้ประโยชน์การแพทย์ โดยวิทยากรจากบริษัท GH Medical ในการแลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับเงื่อนไขและข้อห้ามในประเทศต่างๆ เช่น สหราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ สาธารณรัฐคองโก และสหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล รวมถึงข้อคิดเห็นในการนำกัญชาเพื่อใช้ประโยชน์การแพทย์ในประเทศไทย และการบรรยายเกี่ยวกับการใช้ Artificial Intelligence (AI) และ blockchain technology ที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมกัญชา
ที่มา : Manager online 19 ธันวาคม 2562 [https://mgronline.com/science/detail/9620000120965]