นับเป็นข่าวที่สร้างความหวัง ท่ามกลางการระบาดของ "ไวรัสโคโรนา 2019" เมื่อหมอไทยผสมสูตรยาที่มีใช้อยู่แล้ว รักษาจนผู้ป่วยวิกฤตหนักฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว

ผู้ที่ได้รับการรักษาด้วยสูตรยาจากแพทย์โรงพยาบาลราชวิถีจนหายดีนั้นเป็นผู้ป่วยชาวจีนที่ส่งต่อมาจากโรงพยาบาลหัวหิน และมีอาการรุนแรงมากกว่าผู้ป่วยรายอื่น โดยแพทย์ได้ใช้ยาขนานที่เหมาะสมกับอาการของผู้ป่วย ซึ่งมีอาการรุนแรงกว่าผู้ป่วยรายอื่น แต่ไม่ใช่สูตรยาใหม่ เนื่องจากเป็นยาที่มีใช้อยู่แล้ว
ยาที่แพทย์โรงพยาบาลราชวิถีนำมาใช้กับผู้ป่วยชาวจีนที่มีอาการหนักคือ ยาต้านไวรัสเอดส์ 2 ตัว ได้แก่ ยาโลพินาเวียร์ และยาริโทนาเวียร์ และยาโอเซลทามิเวียร์ ซึ่งเป็นยารักษาไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่ช่วยรักษาโรคเมอร์สจากเชื้อไวรัสโคโรนาเช่นกัน ปรากฏว่าได้ผลฟื้นตัวได้ในระยะเวลาที่รวดเร็วกว่าคาดการณ์
นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า เนื่องจากโรคนี้เป็นโรคติดต่ออุบัติใหม่ ยังเกิดขึ้นมาบนโลกไม่ถึง 2 เดือน ตอนนี้ยังไม่มีวิธีการรักษามาตรฐาน ส่วนใหญ่เป็นการรายงานเคส ซึ่งจีนมีการรายงานการรักษาครั้งแรก 40 กว่าคน โดยใช้ยาต้านไวรัสเอดส์ ไทยจึงทดลองใช้ยาต้านไวรัสเอดส์เช่นกัน สำหรับกลไกการทำงานของยาต้านไวรัสเอดส์ คือ ไปช่วยยับยั้งการขยายตัวของไวรัสในเซลล์ แต่ไวรัสในเลือดยังเข้าไปในเซลล์ได้อยู่ดี ดังนั้นยาโอเซลทามิเวียร์ ซึ่งใช้รักษาไข้หวัดใหญ่นั้นจะช่วยทำให้เชื้อไวรัสใหม่ไม่เข้าไปในเซลล์ จึงเป็นการลดทอนไวรัส
ทีมแพทย์โรงพยาบาลราชวิถีรับผู้ป่วยชาวจีนที่มีอาการหนักจากโรงพยาบาลหัวหินเมื่อวันที่ 29 ม.ค.63 และเริ่มใช้ยาทั้ง 2 กลุ่มในวันดังกล่าว ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่จีนรายงานผลการรักษาด้วยกลุ่มยาเดียวกันนี้ในวารสารต่างประเทศ แต่ทีมแพทย์ไทยยังไม่ได้อ่านวารสารดังกล่าว เนื่องจากเวลาไทยเร็วกว่าอังกฤษ 6 ชั่วโมง ซึ่ง นพ.สมศักดิ์กล่าวว่าเป็นการคิดตรงกัน
ในการรักษาผู้ป่วยชาวจีนที่มีอาการหนักนั้น แพทย์ไทยได้ใช้ยาต้านไวรัสเอดส์ครั้งละ 2 เม็ด 2 เวลาเช้าเย็น และยาโอเซลทามิเวียร์ 2 เม็ด 2 เวลาเช้า-เย็น ทำให้ผลการรักษาดีขึ้นเร็ว โดยไข้ลดใน 12 ชั่วโมง และผลตรวจเชื้อจากห้องปฏิบัติการเป็นลบใน 48 ชั่วโมง ซึ่งการให้ยาขนาดสูงนี้ นพ.สมศักดิ์ระบุว่า เพราะพิจารณาแล้วว่า คนไข้มีอาการหนักและตัวใหญ่ ซึ่งการให้ยาขนาดดังกล่าวนั้นเป็น 2 เท่าของจีน ที่ให้ยาต้านไวรัสเอดส์แค่ครั้งละ 1 เม็ด จำนวน 2 เวลาเช้าเย็น และโอเซลทามิเวียร์ 1 เม็ด 2 เวลาเช้าเย็น
"วิธีการรักษาด้วยยาสูตรดังกล่าวนี้ เรากำลังส่งไปตีพิมพ์ที่ต่างประเทศ และกำลังนำเข้าที่ประชุมแนวทางการดูแลรักษา ซึ่งมีการนำรายงานการรักษาต่างๆ จากทั่วโลกมาพิจารณา ซึ่งสูตรยานี้ที่ใช้ก็อาจเสนอเป็นทางเลือกในการรักษาต่อไปว่าหากเจอผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง และใช้ยาสูตรอื่นที่มีการนำเสนอแล้วไม่ได้ผลก็เอาสูตรนี้มาใช้เพิ่ม ก็ถือเป็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ แต่จะต้องเก็บข้อมูลการใช้ให้มากขึ้น แต่ยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่มีการรักษาที่เป็นมาตรฐาน" นพ.สมศักดิ์กล่าว
ทั้งนี้ สถานการณ์ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในประเทศไทย มีผู้ป่วยยืนยัน 19 ราย ซึ่งทุกคนมีอาการดีขึ้นและรักษาหายแล้ว 8 ราย โดยกำลังจะหายและปล่อยตัวให้กลับบ้านอีก 4 ราย ส่วนที่เหลืออาการดีขึ้นเป็นลำดับ

ที่มา : Manager online 4 กุมภาพันธ์ 2563 [https://mgronline.com/science/detail/9630000011328]