FILE - A vial of the Pfizer-BioNTech COVID-19 booster vaccine targeting BA.4 and BA.5 omicron sub variants is pictured at Skippack Pharmacy in Schwenksville, Pa., Sept. 8, 2022.

บริษัทเวชภัณฑ์ ไฟเซอร์ (Pfizer) ของสหรัฐฯ และบริษัท ไบโอเอนเท็ค (BioNTech) จากเยอรมนีเปิดเผยในวันศุกร์ว่า ผลการศึกษาชิ้นใหม่ชี้ว่า วัคซีนบูสเตอร์ป้องกันโควิด-19 ของตนสามารถเพิ่มการปกป้องแอนติบอดีในร่างกายของผู้ใหญ่อย่างมีนัยสำคัญพอที่จะต้านเชื้อโคโรนาไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์โอมิครอนรวมถึงสายพันธุ์ย่อยอื่น ๆ ได้

.

ไฟเซอร์และไบโอเอนเท็คร่วมกันเปิดตัววัคซีนบูสเตอร์ต้านไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา และสำนักงานอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) อนุมัติให้มีการใช้งานได้เมื่อเดือนที่แล้ว พร้อม ๆ กับวัคซีนแบบเดียวกันของบริษัทยา โมเดอร์นา (Moderna)

.

แถลงการณ์ร่วมของทั้งสองบริษัทระบุว่า ข้อมูลใหม่แสดงให้เห็นว่า วัคซีนบูสเตอร์ต้านโควิด-19 สูตรล่าสุดที่ดัดแปลงมาเพื่อรับมือกับไวรัสกลายพันธุ์โอมิครอน สายพันธุ์ย่อย BA.1 BA.5 นั้นสามารถช่วยสร้างแอนติบอดีที่มีความสามารถต้านไวรัสดังกล่าวได้มากกว่าถึง 4 เท่าสำหรับผู้รับวัคซีนวัยผู้ใหญ่ที่มีอายุ 55 ปีขึ้นไป เมื่อเทียบกับวัคซีนสูตรดั้งเดิมของตน

.

นอกจากนั้น การศึกษาดังกล่าวยังชี้ว่า หลังรับวัคซีนบูสเตอร์แล้ว 1 เดือน จำนวนแอนติบอดีดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นถึงกว่า 13 เท่า สำหรับผู้รับวัคซีนอายุ 56 ปีขึ้นไป และราว 9.5 เท่าสำหรับผู้รับวัคซีนที่มีอายุ 18 ถึง 55 ปี

.

ไฟเซอร์และไบโอเอนเท็ค กล่าวว่า ทีมงานของตนได้แบ่งปันข้อมูลทั้งหมดให้กับ FDA แล้ว และมีแผนจะนำส่งให้กับสำนักงานยายุโรป (European Medicines Agency – EMA) และหน่วยงานด้านสาธารณสุขโลกอื่น ๆ ในเร็ว ๆ นี้ด้วย

ที่มา : voathai https://www.voathai.com/a/pfizer-study-covid-19-booster-significantly-improves-protection-against-variants/6821020.html